เอเจนซีส์ - การเดินขบวนเรียกร้องวันแรงงานสากลในกรุงปารีสเมื่อวานนี้(1 พ.ค)กลายเป็นความรุนแรง ท่ามกลางบรรยากาศตรึงเครียดทางการเมือง เลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบสุดท้าย พบผู้ประท้วงกลุ่มหัวรุนแรงวัยรุ่นปิดหน้าจำนวน 150 คนที่มาพร้อมระเบิดเพลิงโลโมตอฟและก้อนหินเป็นอาวุธในมือ ทำให้การเดินขบวนวันแรงงานในกรุงปารีสจำนวนหลายหมื่นจากทั้งหมดทั่วประเทศราว 142,000 คน ภายใต้การนำสหภาพแรงงานฝรั่งเศส กลายเป็นจลาจลเดือด ปะทะระหว่างตำรวจปราบจลาจลปารีสและกลุ่มผู้ประท้วง มีการยิงแก๊สน้ำตา และใช้กระบอง ท่ามกลางเปลวไฟลุกท่วม พบ 1 ใน6 ของตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บถูกไหม้สาหัสระดับ3
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(1 พ.ค)ว่า การเดินขบวนเรียกร้องแรงงานเนื่องในวันแรงงานฝรั่งเศส 1 พ.ค ที่ถูกจัดโดยกลุ่มสหภาพแรงงานฝรั่งเศส กลายเป็นความรุนแรง ที่เห็นการปะทะระหว่างกลุ่มตำรวจปราบจลาจลปารีสและกลุ่มผู้ประท้วงวัยรุ่นฝรั่งเศสปิดหน้า มีระเบิดเพลิงโลโมตอฟ ก้อนหิน และท่อนไม้เป็นอาวุธ
ทั้งนี้พบว่า หลังเหตุปะทะ มีตำรวจปราบจลาจลจำนวน 6 นายได้รับบาดเจ็บ 1 ในทั้งหมดถูกไหม้สาหัสระดับ 3
สื่ออังกฤษรายงานว่า การเดินขบวนรับวันแรงงานฝรั่งเศส มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ที่มีบางส่วนถือโอกาสใช้เดินขบวนเพื่อต่อต้านพรรคชาตินิยมขวาจัดฝรั่งเศส FN และอดีตหัวหน้าพรรค มารีน เลอแปน(Marine le Pen) ซึ่งเธอกลายเป็น 1 ใน 2 ของผู้ที่จะกลายเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่หลังการเลือกตั้งรอบ 2 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค ที่จะถึงนี้
โดยจากรายงานพบว่า ตำรวจฝรั่งเศสแถลงถึงยอดจำนวนผู้เข้าร่วมการประท้วงทั่วประเทศวันแรงงานว่า มีจำนวนผู้เข้าร่วมราว 142,000 คน
เดอะการ์เดียนรายงานต่อว่า การเดินขบวนในกรุงปารีสได้กลายเป็นความรุนแรง เกิดขึ้นไม่นานหลังจากขบวนได้เริ่มต้นออกเดินมามาจากย่านจตรัส Place de la République ใจกลางกรุงปารีส พบว่ามีกลุ่มคนปิดหน้าได้ฝ่าฝูงผู้เดินขบวนไปบริเวณด้านหน้า และเริ่มต้นขว้างสิ่งของเข้าใส่กลุ่ตำรวจปราบจลาจลปารีสที่อยู่ในชุดป้องกันพร้อมอาวุธปราบจลาจลครบมือ และกลุ่มปิดหน้าถูกตอบโต้กลับมาด้วยแก๊สน้ำตา และกระบอง
โดยแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสได้เปิดเผยกับ เดอะมิร์เรอ หนังสือพิมพ์อัวงกฤษอีกฉบับว่า “มีกลุ่มคนราว 100 คนที่สวมเสื้อฮูดพยายามที่ฝ่ามาเพื่อจะเข้าใกล้แนวแผงเจ้าหน้าที่ และมีผู้ประท้วงราว 1 หรือ 2 คนเริ่มต้นขว้างระเบิดเพลิงเข้าใส่” และกล่าวต่อว่า “หนึ่งในตำรวจปราบจลจลได้รับบาดเจ็บขั้นสาหัสบริเวณหน้าในเวลาหลังจาก 15.00 น.ไปแล้ว ซึ่งนายตำรวจผู้นี้ได้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว พบว่ามีอาการบาดเจ็บมาก แต่ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต ในขณะที่ตำรวจปราบจลาจลอีกนายได้รับบาดเจ็บเช่นกันแต่เป็นบริเวณมือ ส่วนตำรวจนายอื่นๆได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มากนัก”
แหล่งข่าวตำรวจฝรั่งเศสยังกล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “มีการจับกุมเกิดขึ้นทั้งหมดจำนวน 5 คนในเหตุการณ์นี้”
ทั้งนี้พบว่ามีผู้ประท้วงหัวรุนแรงบางส่วนได้เอาก้อนอิฐจากกำแพงบริเวณใกล้เคียงเป็นอาวุธ รวมไปถึงก้อนหินที่ถูกบรรจุในถุงพลาสติกร้านค้า และขวดน้ำ ถูกขว้างไปที่กลุ่มเจ้าหน้าที่ อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน
ซึ่งจากภาพข่าาวที่รายงานโดยเดอะมิร์เรอพบว่า กลุ่มตำรวจที่อยู่ในชุดปราบจลาจลและโล่อย่างน้อย 2 นายถูกไฟลุกติดบริเวณเท้าด้านล่าง และบริเวณไหล่และลำตัวด้านบน ซึ่งเดอะมิร์เรอชี้ว่า ปารีสส่งตำรวจไปควบคุมการเดินขบวนเมย์เดย์ราว 9,000 นาย และรวมไปถึงตำรวจฝรั่งเศสหน่วย gendarmes ที่ติดอาวุธ และทหารฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนระบุว่า การเดินขบวนหลักเพื่อเรียกร้องให้กับแรงงานปารีส เริ่มต้นในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เมื่อคนจำนวนหลายหมื่นออกเดินจากย่านจตุรัส Place de la République มุ่งหน้าไปยังจตุรัส Place de la Nation โดยผ่านจตุรัสบาสติล(Place de la Bastille) ซึ่งเป็น 3 จตุรัสสำคัญในกรุงปารีส
ทั้งนี้หนังสือพิมพ์อังกฤษอีกแห่ง เดอะมิร์เรอ รายงานเพิ่มเติมว่า การปะทะปะทุเกิดขึ้นใกล้กับจตุรัสบาสติล โดยมีกลุ่มผู้ประท้วงตะโกนออกมาว่า “พวกฟาสซิสออกไป ออกไป” แสดงความโกรธแค้นหลังพบว่า อดีตผู้นำพรรคชาตินิยมฝรั่งเศสหญิงวัย 48 ปีสามารถผ่านเข่าสู่รอบสุดท้ายของการเลือกตั้งสำเร็จ
ซึ่งในการเดินขบวนเรียกร้องความเท่าเทียมด้านแรงงานฝรั่งเศสในปีนี้ ถูกกลบไปด้วยบรรยากาศเลือกตั้งอย่างดุดเดือดของเลือกตั้งผู้นำฝรั่งเศสคนใหม่ โดยพบว่ามีการแบกป้ายทางการเมืองไปตามถนน ที่พบว่ามีป้ายเรียกร้องให้บรรดาผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งออกมาต่อต้านเลอ แปน ในวันที่ 7 พ.ค ที่จะถึง แต่อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนชี้ว่า มีผู้ประท้วงบางส่วนได้ประกาศจุดยืนผ่านป้ายคัดค้าน ที่จะไม่สนับสนุนทั้งเลอแปน และ เอ็มมานูแอล มาครง ผู้สมัครนีโอลิเบอรัลลิซึมฝรั่งเศส ซึ่งผู้สมัคร 2 คนที่มีชื่อในการเลือกตั้งรอบสุดท้าย
โดยป้ายข้อความเขียนต่อต้านประกาศว่า ni patrie, ni patron หรือที่หมายความว่า “ไม่ทั้งมาตุภูมิฝรั่งเศส หรือ บอส” สื่ออังกฤษรายงาน