รอยเตอร์ - กลุ่มติดอาวุธในแอฟริกากลางสังหารพลเรือนอย่างน้อย 45 คนในการโจมตีเพื่อแก้แค้นตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ฮิวแมนไรต์วอตช์ (HRW) ระบุในรายงานในวันนี้ (2 พ.ค.)
ความรุนแรงนี้เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มติดอาวุธสองกลุ่มในจังหวัดอูอากาทางตอนกลางซึ่งเป็นพรมแดนกันระหว่างตอนเหนือของประเทศนี้ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมและตอนใต้ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์
“ในขณะที่ฝ่ายต่างๆ แย่งชิงอำนาจกันในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชีวิตพลเรือนของทุกกฝ่ายกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีของพวกเขา” เลวิส มัดจ์ นักวิจัยด้านแอฟริกาของฮิวแมนไรท์วอทช์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ กล่าว
สาธารณรัฐแอฟริกากลางมีความรุนแรงมาตั้งแต่ปี 2013 เมื่อกลุ่มพันธมิตรกบฏมุสลิมเรียกร้องที่มีชื่อว่าเซเลกาโค่นล้มประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โบซิเซ และดำเนินการปล้นทรัพย์และสังหาร ทำให้ชาวคริสต์ต้องก่อตั้งกองกำลังป้องกันตนเองขึ้น
เซเลกาและกลุ่มอื่นๆ แตกแยกจากกันในภายหลัง ทำให้ความรุนแรงขยายตัวแม้ในขณะที่ประเทศจัดการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยและมีผู้ชนระคือประธานาธิบดีโฟสแตง-อาร์คองช์ ตูอาเดรา ที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคมปี 2016
พยานคนหนึ่งในการโจมตีเมื่อไม่นานมานี้ที่ถูกระบุชื่อเพียงว่า คลีเมนต์ กล่าวว่า นักรบจากกลุ่ม Fulani Union for Peace in Central Africa (UP) ยิงเด็กเสียชีวิต 4 คนรวมถึงทารกวัย 7 เดือนในระหว่างการโจมตีเมื่อเดือนมีนาคม
การสังหารโดยฝีมือกลุ่ม Popular Front for the Renaissance of Central African Republic (FPC) ก็มีการรายงานเช่นกัน
HRW อ้างจากตัวเลขจากการสัมภาษณ์ผู้อยู่อาศัยในเมืองบาร์บาริกในเดือนเมษายน พวกเขาระบุว่า ตัวเลขโดยรวมน่าจะสูงกว่านี้เนื่องจากยังคงมีผู้สูญหายอีกหลายสิบคน
องค์การสหประชาชาติซึ่งมีกองกำลังรักษาสันติภาพ 13,000 คนในอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสแห่งนี้พยายามที่จะขับไล่พวกกลุ่มติดอาวุธด้วยการโจมตีทางอากาศในขณะที่พวกเขารุกคืบที่เมืองบาร์บาริก สหรัฐฯบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรกับบรรดาหัวหน้านักรบ
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงยังคงดำเนินต่อไป มูลนิธิทางการแพทย์ MS ระบุว่า เมื่อเดือนที่แล้วพวกเขาเห็นความเลวร้ายที่สุดในความขัดแย้งนานหลายปีนี้และรายงานว่ามีการตัดอวัยวะร่างกายและการประหารชีวิตตามอำเภอใจ