รอยเตอร์ – ผู้บัญชาการทหารระดับท็อปของอิรักคาดเผด็จศึกโมซุลให้ได้ภายในไม่เกิน 3 สัปดาห์ แม้ยังถูกต่อต้านขัดขืนจากไอเอสในเขตเมืองเก่าที่เชื่อว่า มีประชาชนตกค้างอยู่ถึง 400,000 คนก็ตาม ขณะเดียวกัน ผู้ประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นในอิรักเผยว่า สามารถช่วยเหลือเด็กหญิงและผู้หญิงชาวยาซิดี 36 คนได้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จาก 1,500 คนที่เชื่อว่า ยังถูกไอเอสกักขังและล่วงละเมิดอยู่ในขณะนี้
หนังสือพิมพ์อัล-ซาบาห์ของรัฐบาลอิรัก รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) โดยอ้างอิงการเปิดเผยของพลโทออตมาน อัล-กานมี เสนาธิการทหารบกของอิรักว่า การต่อสู้เพื่อชิงเมืองโมซุลคืน ควรเสร็จสิ้นภายในเวลาอย่างมากที่สุดไม่เกินสามสัปดาห์
ปัจจุบัน กลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยอเมริกายังคงให้การสนับสนุนทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินในโมซุล เมืองใหญ่ที่สุดทางด้านเหนือของอิรักที่ถูกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) นิกายสุหนี่เข้ายึดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014
ไอเอสเสียพื้นที่ยึดครองส่วนใหญ่ในเมืองนี้นับจากอิรักเริ่มปฏิบัติการชิงเมืองโมซุลเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และขณะนี้ถูกล้อมอยู่ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ซึ่งรวมถึงย่านเมืองเก่าที่สหประชาชาติเชื่อว่า มีประชาชนตกค้างอยู่ถึง 400,000 คนโดยมีอาหาร น้ำ และยาเหลืออยู่น้อยมาก จากทั้งหมด 500,000 คนที่ติดอยู่ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง
นักรบไอเอสขุดสนามเพลาะและแฝงตัวในหมู่ชาวบ้าน และบ่อยครั้งโจมตีตอบโต้เพื่อขับไล่กองกำลังอิรักและพันธมิตรที่เข้าประชิดมัสยิดแกรนด์ อัล-นูรีในเขตเมืองเก่า ซึ่งอาบู บัคร์ อัล-บักดาดี ใช้เป็นสถานที่ประกาศสถาปนารัฐอิสลามที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางในอิรักและซีเรียเมื่อ 3 ปีก่อน
กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงนี้ประหัตประหารและทรมานชุมชนที่ไม่ใช่สุหนี่ และลงโทษสถานหนักต่อชาวสุหนี่ที่ไม่เชื่อฟังการตีความศาสนาอิสลามแบบสุดโต่ง
สหประชาชาติเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (30) ว่า ชาวยาซิดี 36 คนได้รับการช่วยเหลือหลังถูกจับเป็น “ทาส” ภายใต้ระบบไอเอสนานถึง 3 ปี ทั้งนี้ชาวยาซิดีเป็นชนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาคริสต์
ลีเซ แกรนด์ ผู้ประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นในอิรัก ระบุว่าผู้หญิงและเด็กชาวยาซิดีกลุ่มนี้ได้รับเสื้อผ้า ยา ที่พัก และความช่วยเหลือทางจิตวิทยานับจากวันศุกร์ที่ผ่านมา (28) ในดูฮ็อก เมืองของชาวเคิร์ดทางเหนือของโมซุล
ยูเอ็นประเมินว่า ยังมีผู้หญิงและเด็กหญิงชาวยาซิดี 1,500 คนถูกกักขังและล่วงละเมิด
ขณะเดียวกัน กองกำลังอิรักประเมินว่า ยังมีนักรบไอเอสในโมซุลเพียงราว 200-300 คน ส่วนใหญ่เป็นนักรบต่างชาติ จากเกือบ 6,000 คนในช่วงที่เริ่มปฏิบัติการ ทว่า นักรบกลุ่มนี้ยังสามารถโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงต่อทหารและกองกำลังกึ่งทหารนับหมื่นของอิรักและพันธมิตร
กองกำลังรบพิเศษของอิรักที่ได้รับการฝึกจากอเมริกา และกองกำลังตำรวจส่วนกลางคือกำลังหลักในการต่อสู้ภายในโมซุล ขณะที่หน่วยทหารปกติของอิรักต่อสู้อยู่ด้านนอกเมืองร่วมกับอาสาสมัครชีอะต์ที่ได้รับการฝึกฝนและติดอาวุธโดยอิหร่าน รวมทั้งนักรบเพชเมอร์กาของเคิร์ด และชนเผ่าสุหนี่ รวมกำลังรบทั้งหมดที่ต่อสู้เผด็จศึกไอเอสในโมซุลเกิน 100,000 นาย
กระนั้น เมื่อวันอาทิตย์(30) ไอเอสประกาศว่า ได้โจมตีกองกำลังกึ่งทหารชีอะต์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโมซุลและที่มั่นของทหารอิรักในอคาชาต ใกล้พรมแดนซีเรีย ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นที่กบดานของอาบู บัคร์ อัล-บักดาดี
ขณะที่กองทัพอิรักเผยว่า กองกำลังทางอากาศและภาคพื้นดินตอบโต้กลับและสังหารนักรบไอเอส 8 คน
ประมาณกันว่ามีประชาชนหลายพันคนเสียชีวิตในการรบ และมีประชาชนต้องทิ้งบ้านในโมซุลเกือบ 400,000 คนนับจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หรือ 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรก่อนที่ไอเอสจะเข้ายึดเมือง
นอกจากนี้แม้พ่ายแพ้ในโมซุล ไอเอสยังควบคุมพื้นที่มากมายในอิรักตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย