เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯเชื้อเชิญประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตัน ระหว่างการสนทนากันทางโทรศัพท์ “ด้วยความเป็นมิตร” ในวันเสาร์ (29 เม.ย.) ซึ่งผู้นำทั้งสองได้หารือกันเกี่ยวกับสงครามปราบยาเสพติดของโรดริโก ดูเตอร์เต และความเป็นพันธมิตระหว่างทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ตามการแถลงของทำเนียบขาว
ดูเตอร์เตนั้นเผชิญการถูกประณามจากนานาชาติจากการปราบปรามกวาดล้างอาชญากรรมอย่างโหดเหี้ยมของเขา ซึ่งถูกระบุว่าคร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน และทำให้กลุ่มสิทธิต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวต้องการฟ้องร้องกล่าวโทษผู้นำฟิลิปปินส์ผู้นี้ว่ากระทำอาชญากรรมต่อต้านมนุษยชาติ
ทำเนียบขาวแถลงว่า ผู้นำทั้งสองซึ่งต่างชนะการเลือกตั้งในปีที่แล้ว “สนทนากันด้วยความเป็นมิตรอย่างยิ่ง” โดยเรื่องที่พูดคุยกันมีทั้งการหารือเกี่ยวกับความพยายามของรัฐบาลฟิลิปปินส์ในการ “กำจัดยาเสพติดให้หมดจากประเทศชาติของตน” และความมั่นคงในภูมิภาคจากภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ
“ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้เชื้อเชิญประธานาธิบดีดูเตอร์เตมายังทำเนียบขาว เพื่ออภิปรายกันเกี่ยวกับความสำคัญของการเป็นพันธมิตรกันระหว่างสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์ ซึ่งในเวลานี้กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่เป็นด้านบวกมากๆ” คำแถลงระบุ
ตั้งแต่ที่ดูเตอร์เตขึ้นเป็นประธานาธิบดี มีความกังวลกันว่าเขาพยายามที่จะหย่อนคลายความเป็นพันธมิตรอันยาวนานที่ฟิลิปปินส์ผูกพันอยู่กับสหรัฐฯ และหันไปเกี้ยวพาจีน ซึ่งมุ่งมั่นที่จะเข้าควบคุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ที่พิพาทช่วงชิงกับชาติเพื่อนบ้านรวมทั้งฟิลิปปินส์ด้วย
ดูเตอร์เตกล่าววาจาอยู่เป็นประจำที่เป็นการโจมตีเชือดเฉือนสหรัฐฯซึ่งเคยเป็นผู้ยึดครองฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมในอดีต ว่าเป็นพวกมือถือสากปากถือศีลในเรื่องสิทธิมนุษยชน และเมื่อปีที่แล้วเขายังด่าทอ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีอเมริกันในขณะนั้นว่าเป็น “ลูกกะหรี่” จากการมาวิพากษ์วิจารณ์ สงครามปราบยาเสพติดของเขา
ทำเนียบขาวแถลงว่า ทรัมป์ “ชื่นชอบการสนทนา” กับดูเตอร์เต และรอคอยโอกาสที่จะได้เข้าร่วมการประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-อาเซียน และอีสต์ เอเชีย ซัมมิต ที่กำหนดจัดขึ้นในฟิลิปปินส์เดือนพฤศจิกายนปีนี้
ก่อนหน้านี้รองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเมื่อต้นเดือนเมษายนแล้วว่า ทรัมป์จะเข้าร่วมการประชุมของเอเชียเหล่านี้เพื่อเป็นสัญญาณแสดงถึง “ความผูกพันอย่างไม่มีการคลอนแคลน” ต่อภูมิภาคนี้
ด้าน เออร์เนสโต อาเบลลา โฆษกของดูเตอร์เตแถลงยืนยันในวันอาทิตย์ (30) เกี่ยวกับคำเชื้อเชิญของทรัมป์ แต่เขาไมได้ระบุชัดเจนว่าดูเตอร์เตจะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯเมื่อใด
ตำรวจฟิลิปปินส์รายงานว่าได้สังหารผู้คนไป 2,724 คน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดของดูเตอร์เต ถึงแม้ทางการผู้รับผิดชอบยืนกรานว่าการเข่นฆ่าเหล่านี้เป็นไปเพื่อป้องกันตัว ขณะที่กลุ่มสิทธิต่างๆ ระบุว่า ยังมีผู้คนอีกหลายพันคนซึ่งเสียชีวิตจากหน่วยล่าสังหารลึกลับที่ตั้งตัวเองเป็นศาลเตี้ย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทนายความชาวฟิลิปปินส์ผู้หนึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในกรุงเฮก กล่าวหาดูเตอร์เตว่ากระทำฆาตกรรมหมู่ โดยระบุว่าสงครามยาเสพติดของเขาทำให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 8,000 คนแล้ว
คำสัญญาของดูเตอร์เตที่จะหยุดยั้งไม่ให้ประเทศชาติกลายเป็นรัฐยาเสพติด ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นที่นิยมชมชื่นของชาวฟิลิปปินส์มากมายซึ่งมองหาวิธีแก้ไขอันรวดเร็วในการจัดการกับอาชญากรรมและการทุจริตคอร์รัปชัน
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีผู้นำชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางรายทีซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมซัมมิตของสมาคมอาเซียนในกรุงมะนิลา ได้แสดงความสนับสนุนการทำสงครามปราบยาเสพติดเช่นกัน เป็นต้นว่า สุลต่านฮัสซานัล โบลเคียห์ พระประมุขของบรูไน และประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย