เอเอฟพี - จีนออกมาแสดงความชื่นชมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธการหารือทางโทรศัพท์ครั้งที่ 2 กับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวัน โดยระบุว่าท่าทีของสหรัฐฯ ในวันนี้ทำให้ไต้หวันเหมือนถูก “ตบหน้า”
ทรัมป์ เคยทำให้จีนขุ่นเคืองมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยการรับโทรศัพท์จากผู้นำหญิงไต้หวัน ที่โทร.ไปแสดงความยินดีที่เขาชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือน ธ.ค. การกระทำของ ทรัมป์ ครั้งนั้นถือว่าแหวกธรรมเนียมการทูตที่สหรัฐฯ ยึดถือมาหลายสิบปี และทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าสหรัฐฯ จะยังคงเคารพในหลักการ “จีนเดียว” (One China) อยู่หรือไม่
ทว่าหลังจากที่ ไช่ ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (27 เม.ย.) ว่าเธออาจจะต่อสายคุยกับผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง ทรัมป์ กลับปัดข้อเสนอนี้ทันควัน โดยบอกว่าไม่ต้องการ “เสี่ยง” ทำอะไรที่อาจจะบั่นทอน “ความสัมพันธ์ส่วนตัว” ระหว่างตนกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
“ผมคิดว่าเขา (สี จิ้นผิง) ปฏิบัติหน้าที่ผู้นำประเทศได้อย่างดีเยี่ยม และผมก็ไม่อยากทำอะไรก็ตามที่จะเป็นอุปสรรคต่อเขา ดังนั้น ผมจึงต้องการพูดคุยกับเขาก่อนเป็นอันดับแรก” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
เกิง ฉวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งทราบท่าทีของสหรัฐฯ แล้ว และอ้างความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ออนไลน์ที่มองว่า “นี่เป็นการตบหน้า ไช่ อิงเหวิน โดยตรง”
“รัฐบาลจีนไม่เห็นด้วย หากประเทศที่เรามีความสัมพันธ์ทางการทูตจะไปติดต่อสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน” เกิง กล่าวเสริม
ความสัมพันธ์ระหว่าง ทรัมป์ และ สี ดูเหมือนจะอบอุ่นใกล้ชิดยิ่งขึ้น หลังจากที่ทั้งคู่ได้พบปะกันที่รีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก ของทรัมป์ ในรัฐฟลอริดาเมื่อต้นเดือนนี้
นับแต่นั้นมา ทรัมป์ก็ออกมายกย่องจีนอยู่บ่อยครั้งว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยกดดันเกาหลีเหนือให้ลดละโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
เกิง ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้นำทั้งสองได้ติดต่อพุดคุยกัน “อย่างสม่ำเสมอ”
ด้านทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันก็ส่งสัญญาณล่าถอยทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้นำสหรัฐฯ
“เราเข้าใจว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาต่างๆ ในภูมิภาค และเรายังไม่มีแผน (ที่จะโทรศัพท์ไปคุยกับทรัมป์) ในเวลานี้” ถ้อยแถลงจากทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อวานนี้ (28) ระบุ
เอ็ดเวิร์ด เฉิน นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยทัมกังในไต้หวัน ระบุว่า ท่าทีห่างเหินของ ทรัมป์ ทำให้ ไช่ อิงเหวิน เหมือนถูก “ตบหน้าอย่างแรง”
“ไช่ อุตส่าห์โยนบอลไปที่ฝั่งสหรัฐฯ แต่วอชิงตันกลับบอกว่า ไม่เอา”
เฉา เทียน-หลิน ส.ส.จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของไช่ อิงเหวิน ยอมรับว่าสิ่งที่ ทรัมป์ ทำนั้น “มีเหตุมีผล”
“สหรัฐฯ จำเป็นต้องพึ่งจีนให้ช่วยกำราบเกาหลีเหนือ” เขาอธิบาย
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทรัมป์ อาจจะนำสถานะของไต้หวันมาเป็นข้อต่อรองกับปักกิ่งหลังจากที่เขาขู่จะเลิกเคารพหลักการจีนเดียวซึ่งเป็นเสมือนเสาหลักค้ำจุนความสัมพันธ์สหรัฐฯ และจีนมาโดยตลอด หากจีนไม่ยอมรับเงื่อนไขการค้าที่อเมริกาพอใจ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ได้เปลี่ยนท่าทีในภายหลัง โดยยืนยันจะเคารพหลักการที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของ “จีนเดียว”