รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับลงในกรอบแคบๆ วันพฤหัสบดี (27 เม.ย.) หลังบ่อน้ำมัน 2 แห่งของลิเบียกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้ง ปัจจัยทางพลังงานฉุดวอลล์สตรีทปิดบวกได้แค่เล็กน้อย ขณะที่ทองคำปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 65 เซ็นต์ ปิดที่ 48.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 38 เซ็นต์ ปิดที่ 51.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
บ่อน้ำมันชาราราซึ่งมีกำลังผลิต 300,000 บาร์เรลต่อวัน และบ่อน้ำมันเอล ฟีล ที่มีกำลังผลิต 90,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง หลังการประท้วงปิดกั้นท่อลำเลียงบริเวณดังกล่าวยุติลง
กำลังผลิตน้ำมันของลิเบียอยู่ที่ 491,000 บาร์เรลต่อวันในวันพฤหัสบดี (27เม.ย.) แต่สมาชิกโอเปกแห่งนี้วางเป้าหมายยกระดับกำลังผลิตเป็น 800,000 บาร์เรลต่อวันในอนาคตอันใกล้ และจาก 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม จากคำกล่าวของประธานบริษัทพลังงานแห่งชาติลิเบีย (NOC) ที่ให้สัมภาษณ์รอบนอกการประชุมกลุ่มอุตสาหกรรมในปารีส
ทั้งนี้ กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นของลิเบียก่อความกังวลว่ามันจะซ้ำเติมภาวะอุปทานล้นตลาด และฉุดให้ราคาน้ำมันวานนี้ (27เม.ย.) ขยับลง
ปัจจัยดังกล่าวฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานในวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.) ส่งผลให้ดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ปิดบวกได้แค่ในกรอบแคบๆ แต่แนสแดคดีดตัวขึ้น จากรายงานผลประกอบการกลุ่มเทคโนโลยี
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 6.24 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 20,981.33 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.32 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,388.77 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 23.71 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,048.94 จุด
ความเคลื่อนไหวในแดนลบของหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ดาวโจนส์และเอสแอนด์พีถูกจำกัดในกรอบแคบๆ แต่แนสแดค ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ จากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะแอมะซอน และอัลฟาเบท ส่งผลให้หุ้นของทั้งสองบริษัทต่างปิดบวกมากกว่า 4 เปอร์เซ็นต์
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (27 เม.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครึ่ง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,265.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์