รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันการพูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โดยตรงอาจเกิดขึ้นอีกครั้งและเรียกร้องให้อริทางการเมืองของเกาะปกครองตนเองแห่งนี้อย่างจีนเพิ่มความรับผิดชอบในการรักษาสันติภาพให้สมกับเป็นประเทศใหญ่
“เรามีโอกาสที่จะติดต่อกับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยตรงอีก” ไช่ บอกกับรอยเตอร์ ในการให้สัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวในวันนี้ (27)
“เราไม่ได้ผลักไสโอกาสในการคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง แต่มันขึ้นอยู่กับความจำเป็นของสถานการณ์และการคำนึงถึงกิจการในภูมิภาคของรัฐบาลสหรัฐฯ”
การสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นการสัมภาษณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์รับโทรศัพท์แสดงความยินดีจากไช่เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม มันเป็นการติดต่อกันครั้งแรกระหว่างผู้นำของทั้งสองฝ่ายในรอบเกือบ 40 ปีและเขาตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับนโยบายการยอมรับนโยบาย “จีนเดียว” ของปักกิ่งที่วอชิงตันยึดถือมานาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ทรัมป์ยอมหันมาเคารพนโยบาย “จีนเดียว” และเป็นเจ้าภาพต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนที่รีสอร์ทของเขาในฟลอริดาเมื่อต้นเดือนนี้
ถึงกระนั้นก็ตาม ไช่กล่าว่า ความสัมพันธ์ของไต้หวันกับสหรัฐฯ พันธมิตรทางการเมืองและผู้จัดหาอาวุธให้รายใหญ่ที่สุด กำลังพัฒนาขึ้น เธอกล่าวเสริมว่า ไต้หวันอาจจำเป็นต้องซื้อเครื่องบินล่องหนรุ่นทันสมัยที่สุดของสหรัฐฯ
“เราไม่ปฏิเสธสิ่งใดก็ตามที่จะมีความหมายต่อการป้องกันและยุทธศาสตร์การป้องกันของเราและเครื่องบินเอฟ-35 คือหนึ่งในนั้น” ไช่ กล่าว ในการความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ครั้งแรกโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวัน
ในฐานะส่วนหนึ่งของการเจรจาด้านอาวุธ ไต้หวันจะต้องยื่นรายการจัดซื้ออาวุธให้กับวอชิงตันในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตาม ไช่ กล่าว คณะบริหารของทรัมป์ยังไม่ได้จัดวางเจ้าหน้าที่อาวุโสเพื่อจัดการกับประเด็นนี้
ในวันนี้ (27) กระทรวงกลาโหมของจีนระบุว่า พวกเขาคัดค้านเด็ดขาดต่อการที่ประเทศใดก็ตามจะขายอาวุธให้กับไต้หวัน
โฆษกกระทรวง หยาง อู๋จุน แสดงความคิดเห็นดังกล่าวในการบรรยายสรุปข่าวประจำเดือนในกรุงปักกิ่งเมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะขายเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ให้กับไต้หวัน
ในขณะที่ใกล้วันครบรอบหนึ่งปีการดำรงตำแหน่งของเธอ ไช่กล่าวจากทำเนียบประธานาธิบดีเรียกร้องให้สีทำตัวสมเป็นผู้นำ เธอกล่าวว่า “ในตอนนี้จีนจำเป็นต้องมีสำนึกความรับผิดชอบเป็นของตัวเอง”
“ดิฉันหวังว่าท่านประธานสี ในฐานะผู้นำประเทศใหญ่และผู้ที่มองตัวเองเป็นผู้นำ จะสามารถแสดงแบบอย่างและความยืดหยุ่น ใช้มุมมองที่หลากหลายในการเฝ้าดูความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ และปล่อยให้อนาคตของวความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบมีรูปแบบที่ต่างออกไป”
จีนอ้างว่าไต้หวันเป็นของตนภายใต้นโยบายจีนเดียว แต่ไต้หวันซึ่งปกครองตนเองด้วยระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปี 1949 ไม่มีความต้องการที่จะถูกปกครองโดยจีน ปักกิ่งไม่ตัดตัวเลือกที่จะใช้กำลังเพื่อนำเกาะแห่งนี้มาอยู่ภายใต้การควบคุม
