เอเอฟพี - ศาลสูงสุดสหรัฐฯ มีคำพิพากษาวานนี้ (24 เม.ย.) ให้รายงานว่าด้วยการทรมานนักโทษในคุกลับซีไอเอหลังเหตุวินาศกรรม 9/11 เป็น “ความลับ” ของรัฐบาล หลังจากที่องค์กรสิทธิมนุษยชนได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อเรียกร้องให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน
ศาลสูงสุดปฏิเสธข้อโต้แย้งของสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union - ACLU) ที่ระบุว่า เอกสารชั้นลับสุดยอดซึ่งคณะกรรมการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาได้รวบรวมขึ้นในปี 2014 ควรจะถูกเปิดเผย เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบว่าด้วยความโปร่งใสของรัฐบาล
“เรารู้สึกผิดหวังต่อความล้มเหลวครั้งใหญ่ในการทำให้รัฐบาลมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ รายงานฉบับนี้ถือเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ดำมืดที่สุดช่วงหนึ่งของสหรัฐฯ และประชาชนมีสิทธิ์ที่จะได้อ่านมัน” ฮินา แชมซี ผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงแห่งชาติของ ACLU ระบุ
ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ยืนตามคำพิพากษาของศาลส่วนกลางในวอชิงตันที่ระบุว่า รายงานฉบับนี้มีลักษณะ “ไม่เข้าเกณฑ์” บันทึกของรัฐบาลที่จำเป็นต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน
รายงานฉบับเต็มซึ่งมีความยาว 6,700 หน้าได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ที่ใช้วิธีกักขังและทรมานผู้ต้องหาอัลกออิดะห์ที่ถูกจับกุมหลังเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ปี 2001
รายงานฉบับนี้ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับ “คุกลับ” (black sites) ของซีไอเอในต่างประเทศ และการใช้เทคนิคทรมานที่โหดเหี้ยม เช่น การกรอกน้ำให้สำลัก (waterboarding) เพื่อรีดเค้นความจริงจากผู้ต้องหา
ว่ากันว่าคณะผู้จัดทำรายงานยังตั้งคำถามว่าเทคนิคเหล่านี้ได้ผลจริงหรือไม่ ซึ่งต่อมารัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ได้มีคำสั่งให้ซีไอเอเลิกใช้วิธีทรมานนักโทษอย่างเด็ดขาด
เอกสารประมาณ 500 หน้าถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนหลังจากที่รายงานถูกจัดทำเสร็จเรียบร้อย และให้ข้อมูลมากพอที่จะทำให้ซีไอเอ และรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ซึ่งเป็นผู้อนุมัติโครงการนี้ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
ซีไอเอออกมาปฏิเสธข้อสรุปบางอย่างในรายงานฉบับนี้ ขณะที่นักการเมืองสหรัฐฯ บางคนก็ยอมรับว่าพวกเขา “เห็นด้วย” กับการทรมานผู้ต้องหาก่อการร้าย
ปัจจุบันยังเหลือสำเนาเอกสารชุดนี้อยู่เพียงไม่กี่ฉบับ ซึ่งถูกแจกจ่ายไปยังหน่วยงานของรัฐ และสำนักงานข่าวกรองหลายแห่ง
ด้วยเกรงว่าเอกสารเหล่านี้จะถูกทำลายเพื่อปกปิดเรื่องการทรมานผู้ต้องหาของซีไอเอ อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา จึงประกาศไว้เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วว่า สำเนา 1 ชุดจะถูกเก็บรักษาไว้ที่ห้องสมุดประธานาธิบดีซึ่งเขากำลังจะสร้างขึ้นที่นครชิคาโก
รัฐบาลโอบามาปฏิเสธที่จะถอนเอกสารชุดนี้ออกจากชั้นความลับ แต่ระบุว่ามันจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างแน่นอนในอีก 12 ปีข้างหน้า