xs
xsm
sm
md
lg

'สี'ย้ำ'ทรัมป์'อดกลั้นหวั่นทำสงครามโสมแดง ด้าน'อาเบะ'ก็เผยติดต่อผู้นำUSใกล้ชิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<i>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (กลาง) พูดคุยโทรศัพท์กับทั้งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน (ซ้าย) และนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น (ขวา) เมื่อวันจันทร์ (24 เม.ย.) ขณะสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังทวีความตึงเครียด </i>
เอเจนซีส์ – สี จิ้นผิง เรียกร้องทุกฝ่ายอดกลั้น ระหว่างคุยโทรศัพท์กับทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (24 เม.ย.) ด้านอาเบะก็หารือกับประมุขทำเนียบขาวเช่นกัน พร้อมเผยโตเกียวกับวอชิงตันตกลงให้ติดต่อกันอย่างใกล้ชิดในเรื่องเกาหลีเหนือ ท่ามกลางความกังวลที่ถมทวีว่า เปียงยางอาจเตรียมการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยในเกาหลีเหนือยืนยันและเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามนักวิชาการอเมริกันที่ถูกโสมแดงจับกุมไว้เป็นรายที่ 3

กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันจันทร์ (24) ว่า ประธานาธิบดีสีแสดงความคาดหวังระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่จะทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียด

ประมุขแดนมังกรสำทับว่า วิธีเดียวที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์และแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือคือ แต่ละฝ่ายต้องทำหน้าที่ของตนเอง

การหารือทางโทรศัพท์ครั้งนี้ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 แล้วตั้งแต่ที่สีไปเยือนรีสอร์ทส่วนตัวที่ฟลอริดาของทรัมป์เมื่อตอนต้นเดือน สะท้อนว่า ปักกิ่งกังวลมากขึ้นว่า ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับเปียงยางอาจลุกลามกลายเป็นสงคราม

“สถานการณ์ระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก สิ่งสำคัญคือจีนและอเมริกาต้องคงการติดต่อกันอย่างใกล้ชิด และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นสำคัญอย่างทันท่วงที” สีบอกทรัมป์

ก่อนหารือกับผู้นำจีน ทรัมป์ยังคุยโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น เรื่องการร่วมฝึกซ้อมระหว่างหมู่เรือโจมตีของสหรัฐฯ ที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน กับเรือพิฆาต 2 ลำของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของแดนอาทิตย์อุทัย ในทะเลฟิลิปปินส์ในขณะนี้ โดยที่หมู่เรือรบอเมริกันดูเหมือนยังกำลังเดินทางต่อไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก

อาเบะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในภายหลังว่า ตนและทรัมป์เห็นพ้องกันที่จะรักษาการติดต่อระหว่างกันอย่างใกล้ชิดในเรื่องเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกับที่เรียกร้องให้เปียงยางอดกลั้น รวมถึงเรียกร้องให้จีนเพิ่มบทบาทในการกดดันเกาหลีเหนือ

เขากล่าวว่า เขาแสดงความซาบซึ้งต่อจุดยืนของประมุขทำเนียบขาวที่ระบุว่า ในการรับมือกับเกาหลีเหนือนั้น ทางเลือกทุกๆ อย่างวางแบอยู่บนโต๊ะ

ถึงแม้ไม่มีกำหนดการที่แน่ชัดและก่อนหน้านี้มีความสับสนอย่างมากเกี่ยวกับตำแหน่งแห่งที่ของหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี คาร์ล วินสัน แต่เมื่อวันเสาร์ (22) รองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ของสหรัฐฯ เปิดเผย ว่าเรือคาร์ล วินสันจะเดินทางถึงทะเลญี่ปุ่นที่อยู่ระหว่างคาบสมุทรเกาหลีกับญี่ปุ่น “ในอีกไม่กี่วัน”

ขณะเดียวกัน มุน ซังกึน โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงในวันจันทร์ (24) ว่า โซลกำลังหารือกับวอชิงตันเรื่องการร่วมฝึกซ้อมกับหมู่เรือวินสัน
<i>ภาพที่ถ่ายและเผยแพร่โดยกองทัพเรือสหรัฐฯ แสดงให้เห็นเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ขณะแล่นมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา  ทั้งนี้รายงานระบุว่าเวลานี้หมู่เรือโจมตีนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าสู่แปซิฟิกตะวันตก และน่านน้ำใกล้ๆ คาบสมุทรเกาหลีแล้ว </i>
ส่วนทางฝ่ายเกาหลีเหนือนั้น หนังสือพิมพ์ของพรรครัฐบาลออกมาวิจารณ์เมื่อวันจันทร์ว่า การส่งเรือวินเข้าเข้ามา เป็น “การแบล็กเมล์ทางทหารอย่างไม่มีการปิดบังอำพราง” ของอเมริกา “การข่มขู่เช่นนี้อาจทำให้แมงกะพรุนตื่นตกใจ แต่ใช้ไม่ได้ผลกับดีพีอาร์เค” ทั้งนี้ ดีพีอาร์เค เป็นตัวอักษรย่อชื่อประเทศอย่างเป็นทางการของเกาหลีเหนือ

ขณะที่เว็บไซต์ซึ่งเป็นกระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อให้เปียงยางร่วมโจมตีอีกแรงว่า การประจำการของวินสันเป็นการพิสูจน์ว่า การรุกรานเกาหลีเหนือใกล้เข้ามาทุกที และโลกจะได้เห็นกับตาว่า เรือบรรทุกเครื่องบินที่ติดอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกากลายเป็นเศษเหล็กจมทะเล และอเมริกาหายไปจากแผนที่โลก

สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงหลายเดือนมานี้ หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์ถี่ขึ้น ขณะที่คณะบริหารของทรัมป์ตอบโต้ด้วยถ้อยคำข่มขู่ก้าวร้าวหนักขึ้น รวมทั้งกระทุ้งให้ปักกิ่งเพิ่มบทบาทในการจัดการกับเปียงยาง

นานาชาติยิ่งกังวลมากขึ้นขณะที่เกาหลีเหนือเตรียมฉลองวาระครบรอบ 85 ปีการก่อตั้งกองทัพประชาชนเกาหลีในวันอังคาร (25) เนื่องจากโดยปกติแล้ว เปียงยางมักใช้โอกาสพิเศษแบบนี้ทดสอบนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธ

สถานการณ์ยังเพิ่มทวีความตึงเครียดจากข่าวเกาหลีเหนือควบคุมตัวพลเมืองอเมริกันคนหนึ่งเมื่อวันเสาร์ (22) ซึ่งล่าสุด มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปียงยาง (PUST) ยืนยันว่า บุคคลดังกล่าวคือคิม ซังดุค หรือโทนี่ คิม ที่ถูกจับกุมที่สนามบินขณะเตรียมเดินทางออกจากเกาหลีเหนือหลังไปสอนที่ PUST นานหลายสัปดาห์

PUST ก่อตั้งโดยชาวคริสเตียนนิกายอีแวนเจลิคัลจากนอกเกาหลีเหนือและเปิดสอนในปี 2010 โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า มีนักวิชาการอเมริกันอยู่จำนวนมาก ขณะที่นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นบุตรหลานของชนชั้นนำภายในประเทศ

สำหรับสาเหตุในการจับกุมครั้งนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน ทว่า PUST ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่คิมทำที่มหาวิทยาลัย และเสริมว่า สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนในเปียงยาง ซึ่งปกติแล้วจะจัดการปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับพลเมืองอเมริกันแทนวอชิงตันที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีเหนือ กำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่โสมแดง

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า คิม วัย 55 ปี มีส่วนร่วมกับกิจกรรมการช่วยเหลือเด็กในชนบทของเกาหลีเหนือ

ปัจจุบัน ยังมีพลเมืองอเมริกันอีก 2 คนคือ ออตโต วอร์มเบียร์ นักศึกษามหาวิทยาลัย และคิม ดองชุล บาทหลวงเกาหลี-อเมริกัน ถูกศาลเกาหลีเหนือตัดสินจำคุก 15 ปีและ 10 ปีตามลำดับ โดยคิมถูกกล่าวหาว่า เป็นสายลับให้อเมริกา ส่วนวอร์มเบียร์ถูกกล่าวหาขโมยวัสดุโฆษณาชวนเชื่อและก่ออาชญากรรมต่อเกาหลีเหนือ

กำลังโหลดความคิดเห็น