เอเอฟพี - เหตุจลาจลทางการเมืองในเวเนซุเอลาซึ่งยืดเยื้อมานานถึง 3 สัปดาห์ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 20 รายเมื่อวานนี้ (21 เม.ย.) หลังเกิดเหตุปะทะช่วงกลางดึกที่กรุงการากัสจนมีคนตายเพิ่มอีก 12 ศพ
ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ตำรวจปราบจลาจลและกลุ่มเฝ้าระวังที่สนับสนุนรัฐบาลได้ปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งเรียกร้องให้ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ลาออก ทางฝั่งตะวันใต้ ตะวันตก และตะวันออกของเมืองหลวง
“มันเหมือนสงครามไม่มีผิด” คาร์ลอส ยาเนซ คนงานก่อสร้างวัย 33 ปีซึ่งอาศัยอยู่ที่เขต เอล วาลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงการากัส ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
“ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วง ส่วนพลเรือนที่มีอาวุธก็ยิงปืนใส่อาคารที่อยู่รอบๆ ผมกับครอบครัวต้องนอนหมอบลงกับพื้นเพื่อหลบกระสุนปืน มันน่ากลัวมากครับ”
เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีผู้ถูกสังหารไปอย่างน้อย 11 รายในพื้นที่ดังกล่าว โดย 8 คนถูกไฟฟ้าช็อตขณะพยายามฉวยจังหวะชุลมุนเข้าปล้นร้านเบเกอรี่ ส่วนที่เหลือถูกยิงเสียชีวิต
เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (21) ได้มีประชาชนออกมารวมกลุ่มประท้วงเพิ่มอีกหลายจุด และเกิดเหตุรุนแรงขึ้นทางตะวันออกของกรุงการากัส รวมถึงที่เมืองมากูโต (Macuto) ในรัฐวาร์กัสที่อยู่ใกล้เคียง
ตำรวจเวเนซุเอลายิงแก๊สน้ำตาสลายการประท้วงที่เขตปาโลแวร์เดในกรุงการากัส มีการนำกองขยะมาจุดไฟเผาเพื่อปิดกั้นเส้นทาง และยังมีกลุ่มชายติดอาวุธขับขี่รถจักรยานยนต์สร้างความหวาดผวาต่อประชาชนในเมือง
ฝ่ายค้านได้ออกมากล่าวหารัฐบาล มาดูโร ว่าส่งแก๊งอันธพาลและกลุ่มติดอาวุธไปโจมตีพวกเขา
โรงพยาบาลแม่และเด็กแห่งหนึ่งต้องมีการอพยพคนไข้ 54 คนรวมถึงทารกเกิดใหม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้แต่ละฝ่ายยังคงออกมาให้เหตุผลที่ขัดแย้งกันเอง โดยรัฐบาลนั้นอ้างว่า “กลุ่มติดอาวุธที่ฝ่ายค้านจ้างมา” ได้บุกโจมตีโรงพยาบาล ในขณะที่ฝ่ายค้านออกมาปฏิเสธ โดยระบุว่าจำเป็นต้องอพยพเด็กๆ เพื่อหนี “แก๊สน้ำตา” ที่รัฐบาล “เผด็จการมาดูโร” นำมาใช้
โรซาลินดา ปรีเอโต ผู้อำนวยการโรงพยาบาล บอกกับเอเอฟพีว่า พวกเขาจำเป็นต้องอพยพคนไข้เนื่องจากมีกลิ่นควันพิษจากกองขยะที่ผู้ประท้วงจุดไฟเผา
ล่าสุด แกนนำฝ่ายค้านเวเนซุเอลาได้เรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาลอีกครั้งในวันนี้ (22 เม.ย.) โดยประกาศแผนเดินขบวนอย่างสงบไปยังที่ทำการสังฆมณฑลคาทอลิกทั่วประเทศ ส่วนในวันจันทร์ (24 เม.ย.) ก็จะนำสิ่งกีดขวางไปปิดถนนสายหลักๆ เพื่อทำให้ประเทศกลายเป็นอัมพาต
ผู้ประท้วงเหล่านี้กล่าวโทษ มาดูโร ซึ่งสืบทอดอำนาจต่อจากอดีตประธานาธิบดี อูโก ชาเบซ ผู้นำ “การปฏิวัติโบลิวาเรียน” ในปี 1999 ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจซึ่งทำให้ชาวเวเนซุเอลาต้องเผชิญวิกฤตขาดแคลนทั้งอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งของอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐาน
ฝ่าย มาดูโร อ้างว่าเหตุจลาจลทางการเมืองคราวนี้เป็นแผนของสหรัฐอเมริกาที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลของเขา
เมื่อวันพฤหัสบดี (20) มาดูโร ออกมาประกาศว่าฝ่ายค้านได้ตกลงที่จะเจรจากับรัฐบาลแล้ว ทว่าแกนนำฝ่ายค้านออกมาปฏิเสธทันควัน และยืนยันว่าทางออกเดียวของปัญหาคือต้องจัดการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น
