เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สร้างความเดือดดาลแก่ชาวเกาหลีใต้ทั้งประเทศ เมื่อเขาออกมาให้สัมภาษณ์หลังการพูดคุยกับประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีนที่รีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก เมื่อต้นเดือนนี้ว่า “คาบสมุทรเกาหลีเคยเป็นส่วนหนึ่งของจีน” มาก่อน
ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์เนิลหลังจากที่เขาและ สี่ ได้หารือแนวทางลดความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งกำลังทำให้คาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
เขาระบุว่า สี่ “ได้อ้างถึงประวัติศาสตร์ของจีนและเกาหลีใต้”
“คุณก็ทราบใช่ไหมว่า มันเป็นเรื่องราวเมื่อหลายพันปีผ่านมาแล้ว และสงครามอีกนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งจริงๆ แล้วเกาหลีก็เคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน”
ปักกิ่งนั้นถือเป็นมหามิตรเพียงหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือ และสหรัฐฯ ก็ต้องการให้จีนใช้อิทธิพลบีบเกาหลีเหนือให้ลดทอนกิจกรรมนิวเคลียร์ลงบ้าง ขณะที่สหรัฐฯ เองก็เป็นพันธมิตรสำคัญของเกาหลีใต้ และได้ส่งทหารกว่า 28,000 นายเข้าไปประจำการเพื่อปกป้องแดนโสมขาว
สี่ ได้พูดอะไรกับ ทรัมป์ บ้าง และ ทรัมป์ นำมาถ่ายทอดถูกต้องหรือไม่นั้น เป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครออกมายืนยันได้ แต่ชาวเกาหลีใต้หวาดระแวงอิทธิพลของจีนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม คำพูดของผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่นักการเมือง นักประวัติศาสตร์ และคนทั่วไปในเกาหลีใต้ไม่สามารถยอมรับได้
คาบสมุทรเกาหลีได้รับอิทธิพลทั้งในทางการเมืองและวัฒนธรรมจากจีนมานานหลายร้อยปี และถึงแม้ว่าอาณาจักรต่างๆ บนคาบสมุทรแห่งนี้จะเคยส่งเครื่องบรรณาการให้แก่จีน แต่นักประวัติศาสตร์เกาหลีก็ยืนยันว่า จีนไม่เคยเข้ามาปกครองดินแดนส่วนนี้ได้ แม้จะมีความพยายามรุกรานเกิดขึ้นหลายครั้งก็ตาม
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ออกมาโต้แย้งคำพูดของ ทรัมป์ ว่า “เรื่องที่เกาหลีไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาตลอดหลายพันปี คือความจริงทางประวัติศาสตร์ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ”
ด้าน หลู่ คัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ปฏิเสธที่จะยืนยันรายละเอียดคำพูดของประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง แต่ระบุว่า “ชาวเกาหลีไม่ควรกังวลใจในเรื่องนี้”
หนังสือพิมพ์จุงอังอิลโบในเกาหลีใต้ได้ยกเรื่องนี้มาตีเป็นประเด็นข่าวใหญ่ โดยระบุว่าผู้นำจีนทำให้ชาวเกาหลีใต้ “ถึงกับพูดไม่ออก” และ “หาก ทรัมป์ ถ่ายทอดคำพูดของ สี่ มาอย่างถูกต้อง ก็เท่ากับว่าจีนกำลังท้าทายอัตลักษณ์ของชาวเกาหลีอย่างร้ายแรง”
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า นักประวัติศาสตร์และนักเคลื่อนไหวโสมขาวได้ไปชุมนุมที่หน้าสถานทูตจีนเมื่อวานนี้ (21) เพื่อประท้วงคำพูด “ไร้สาระ” ของ สี่ จิ้นผิง สำนักข่าวยอนฮัปรายงาน
ความสัมพันธ์จีนและเกาหลีใต้ตกต่ำลงอย่างหนัก หลังจากที่โซลยินยอมให้สหรัฐฯ ส่งระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) เข้าไปติดตั้งเพื่อใช้สกัดจรวดที่ยิงมาจากเกาหลีเหนือ โดยจีนนั้นหวั่นเกรงศักยภาพของระบบเรดาร์อันทรงพลังของ THAAD ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของจีน
รัฐบาลโซลเชื่อว่าพวกเขากำลังถูกจีนใช้บทลงโทษทางเศรษฐกิจแก้แค้นเรื่องระบบ THAAD ทั้งการห้ามบริษัทท่องเที่ยวจีนขายแพ็กเกจทัวร์ไปเกาหลีใต้ และการสั่งปิดห้างสรรพสินค้าจากแดนโสม
หนังสือพิมพ์โซชุนอิลโบของเกาหลีใต้ได้กล่าวตำหนิผู้นำชาติมหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่าย โดยระบุว่า สี่ “แสดงทัศนคติของนักล่าดินแดนที่ล้าสมัย” ส่วน ทรัมป์ ก็ขาดความตระหนักรู้ในสิ่งที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางการทูต
“การที่ ทรัมป์ นำคำพูด (ของ สี่) มาถ่ายทอดต่อ แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรเกาหลี” บทบรรณาธิการของโชซุนอิลโบฉบับวันศุกร์ (21) ระบุ