รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – บริษัทผลิตรถยนต์อเมริกัน เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ GM ออกแถลงการณ์ด่วนเมื่อวานนี้(19 เม.ย) รัฐบาลเวเนซูเอลาใช้กำลัง “ยึดโรงงานผลิตรถยนต์” ในฮับอุตสาหกรรมของบาเลนเซีย( Valencia) รัฐการาโบโบ (Carabobo) ประกาศจะเดินหน้าต่อสู้ทางกฎหมาย ท่ามกลางการวิกฤตการประท้วงครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ "Mother of all Marches." ฝ่ายค้านลุกฮือต้านประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร เรียกร้องจัดเลือกตั้งใหม่ เสียชีวิต 3 ในขณะที่ PdVSA บริษัทพลังงานคาราคัสหนี้ท่วมหัว สุดเซอร์ไพรซ์ แอบบริจาค 500,000 ดออลาร์ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ รับวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
รอยเตอร์รายงานว่า ค่ายบริษัทรถชื่อดังอเมริกา เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ GM ออกแถลงการณ์ในวันพุธ(19 เม.ย)ว่า รัฐบาลคาราคัสได้เข้ายึดโรงงานการผลิตรถของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในฮับอุตสาหกรรมของบาเลนเซีย( Valencia) รัฐการาโบโบ (Carabobo) อย่างผิดกฎหมาย
โดยในแถลงการณ์กล่าวว่า “เมื่อวานนี้(18 เม.ย) โรงงานของบริษัท GMV (General Motors Venezolana ) อย่างไม่คาดฝันถูกเจ้าหน้าที่เวเนซุเอลาเข้ายึด ขัดขวางสายพานการผลิตประจำวัน นอกจากนี้พบว่า ทรัพย์สินอื่นของทางบริษัท เช่น รถยนต์ ได้ถูกทางการเวเนซุเอลายึดออกไปจากโรงงานอย่างมิชอบ”
และทางเจนเนอรัล มอเตอร์สยังกล่าวต่อว่า การกระทำของเวเนซุเอลาสร้างความเสียหายที่ไม่อาจประเมินค่าได้ต่อบริษัท พนักงาน 2,678 คน ดีลเลอร์ 79 แห่ง และรวมไปถึงซัพพลายเออร์ของทางบริษัท
อย่างไรก็ตามสื่อ NBC NEWS ของสหรัฐฯ ชี้ว่า เจนเนอรัล มอเตอร์ส ในเวเนซุเอลาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงเหตุผลและอื่นๆ นอกจากออกแถลงการณ์ประกาศการถูกยึด
ทั้งนี้ทางค่ายรถยนต์อเมริกันชี้แจงว่า จะเดินหน้าต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิของตนเอง โดยกล่าวผ่านแถลงการณ์เพิ่มเติมอีกว่า “ทางบริษัทขอปฎิเสธต่อมาตรการของทางเวเนซุเอลา ที่เข้ายึดกิจการครั้งนี้ และจะเดินหน้าต่อสู้ทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด ทั้งภายในและภายนอกประเทศเวเนซุเอลา เพื่อปกป้องสิทธิ์ของทางเจนเนอรัล มอเตอร์สเอง”
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานว่า อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของเวเนซุเอลาได้รับผลกระทบอย่างหนักเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ ผลมาจากมาตรการควบคุมค่าเงิน และปัญหาการผลิตในท้องถิ่น
การออกมาประกาศของเจนเนอรัล มอเตอร์ส เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวการเสียชีวิตอย่างน้อย 3 ศพจากการประท้วงใหญ่ในวันพุธ(19 เม.ย)ที่นำโดยฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ภายใต้ชื่อ "Mother of all Marches." ล้อเลียนชื่อระเบิดของสหรัฐฯถล่มอัฟกานิสถาน “Mother of All Bombs” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเวเนซุเอลาจัดการเลือกตั้งใหม่
โดยสื่ออเมริกา CNN รายงานเพิ่มเติมว่า ในวันพุธ(19 เม.ย) นอกจากฝ่ายต่อต้านแล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ออกมาจัดการประท้วงด้วยเช่นกัน
กระทรวงสาธารณะเวเนซุเอลาออกแถลงการณ์ถึงผู้เสียชีวิตในเหตุประท้วงใหญ่ว่า พลเมืองชายวัย 17 ปีถูกยิงที่ศรีษะเสียชีวิตในกรุงคาราคัส โดยวัยรุ่นชายรายนี้ ที่ในภายหลังถูกเปิดเผยชื่อ คาร์ลอส โมเรโน(Carlos Moreno) นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเซนทรัลยูนิเวอร์ซิตี เสียชีวิตในระหว่างการเข้ารับการผ่าตัดช่วยชีวิต
โดยพี่สาวของโมเรโนยืนยันว่า น้องชายของเธอไม่ได้เข้าร่วมการประท้วง แต่อยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังสนามกีฬาเพื่อเล่นฟุตบอล
ภาพการถูกยิงของโมเรโนเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย พบร่างของเขาอยู่บนพื้นและเลือดไหลท่วมบริเวณศรีษะในย่านซานเบอร์นาดิโน( San Bernardino) ในขณะที่ตัวโมเรโนนั้นถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มผู้ประท้วง และมีหญิงรายหนึ่งตะโกนออกไปด้วยเสียงอันดังว่า “พวกเขาฆ่าเด็กหนุ่มรายนี้”
และในแถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณะเวเนซุเอลา ยังระบุต่อว่า ทางกระทรวงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบการเสียชีวิตของโมเรโน และรวมไปถึงการเสียชีวิตในช่วงบ่ายวันพุธ(19 เม.ย) ของเปาลา อันเดรอินา รามิเรซ โกเมซ( Paola Andreina Ramírez Gómez ) วัย 23 ปี พบว่าเธอเสียชีวิตที่ พลาซ่า ซานคาร์ลอส (plaza San Carlos) ในเมืองซานคริสโตบาล( San Cristóbal) รัฐตาชีรา
โดยฮอร์บาน คอนเตรราส( Jorban Contreras) ผู้อำนวยการหน่วยป้องกันภัยพลเรือนของรัฐตาชีราได้เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเสียเลือดเป็นจำนวนมาก และได้เสียชีวิตจากคมกระสุนที่เจาะเข้าหน้าอกก่อนหน้าที่เขาจะพบศพ
ทหารเนชันแนลการ์ดเวเนซุเอลา สิบเอก นีอูมาร์ โฮเซ ซานคลิเมนเต บาร์ริออส(Niumar Jose San Clemente Barrios) ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสในคืนวันพุธ(19 เม.ย) เป็นเหยื่อผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ของการประท้วงเวเนซุเอลา ในขณะที่เจ้าหน้าที่เนชันแนลการ์ดอีกรายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ โดยทหารทั้งคู่ถูกยิงในระหว่างการประท้วงครั้งรุนแรงในลอส ซาลิอัส( Los Salias) ทางใต้ของกรุงคาราคัส
NBC NEWS สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ประท้วงต่อต้านปะทะกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลเวเนซุเอลา ที่ทางเจ้าหน้าที่ใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ในการเข้าสลาย พบว่ามีผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนถูกจับกุม
การประท้วงครั้งใหญ่เขย่าบัลลังก์มาดูโรแล้วในวันพุธ(19 เม.ย)แล้ว ล่าสุดในวันนี้(20 เม.ย) สื่อทั่วโลกยังรายงานข่าวที่น่าตกตะลึงอีกว่า บริษัทพลังงานของรัฐบาลคาราคัส PdVSA ที่ตกเป็นหนี้สินจำนวนมากกับรัสเซีย ได้ถูกเปิดโปงว่า ได้บริจาคเงินจำนวน 500,000 ดอลลาร์ ผ่านเครือข่ายบริษัทพลังงานอเมริกา ซิตโก เพโทรล( Citgo Petrol) ให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
ทั้งนี้เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ทาง PdVSA ได้เสนอหุ้นเกือบครึ่งในบริษัทซิตโก เพโทรล ให้กับรอสเนฟต์( Rosneft ) บริษัทพลังงานของเครมลิน เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์สำหรับค้ำประกันเงินกู้ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อเวเนซุเอลา และทาง PdVSA ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ต้องการเงินสดอย่างเร่งด่วน เดอะการ์เดียนชี้ว่า เงินที่ไหลเข้ามาจากรัสเซียผ่านบริษัทพลังงานรอสเนฟต์ ได้ต่อลมหายใจให้ทั้ง PdVSA และมาดูโร อยู่ต่อไปได้
และหากว่าทางเวเนซุเอลาเกิดผิดนัดชำระหนี้ขึ้น จะทำให้รอสเนฟต์มีโอกาสเข้าควบคุมในหุ้นของซิตโก เพโทรล ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้กับพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทพลังงานเครมลินยังไม่สามารถแสดงเป็นเจ้าของหุ้นที่ถือไว้ เพราะทั้งรอสเนฟต์และซีอีโอใหญ่ อิกอร์ เซชิน(Igor Sechin) ถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร
ทั้งนี้พบว่า ซิตโก เพโทรล นั้นมีโรงงานกลั่นน้ำมันของตัวเอง 3 โรง รวมไปถึงท่อส่งน้ำมัน และเทอร์มินอลส่งน้ำมัน รายงานบริจาคเงินครึ่งล้านดอลลาร์นี้ถูกเปิดเผยในรายงานของคณะกรรมการเลือกตั้งสหรัฐฯที่ออกมาในวันพุธ(19 เม.ย)
