เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (19 เม.ย.) ลนลานแก้ข่าวหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี “คาร์ล วินสัน” ยืนยันกำลังมุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลี ถึงแม้ล่าช้ากว่าที่คนทั่วไปเข้าใจกัน ด้านสื่อทรงอิทธิพลจีนสงสัยเป็นการกุข่าวสุดแสนฉาวโฉ่ของทรัมป์และกองทัพอเมริกัน ขณะที่เปียงยางไม่เสียเวลาสนใจเรื่องนี้ แต่เตือนวอชิงตันและพันธมิตร “อย่ากวนโทสะ” เพราะถ้าโสมแดงเปิดฉากโจมตีก่อน ทั้งกองกำลังอเมริกาในเกาหลีใต้และบริเวณโดยรอบ รวมถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ จะพินาศเป็นผุยผง
คณะบริหารของสหรัฐฯ เจอกระแสดรามาครั้งใหม่ หลังจากวันอังคารที่ผ่านมา (18 ) กองทัพเรือยอมรับว่าหมู่เรือโจมตีที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน เพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกร่วมกับกองทัพเรือออสเตรเลียและยังอยู่ตรงบริเวณนอกชายฝั่งแดนออสซี่ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นหลายวันบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะบริหาร ทั้งจิม แมตติส รัฐมนตรีกลาโหม จนถึงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกข่าวครึกโครมว่า กองเรือทรงอำนาจนี้ออกเดินทางจากสิงคโปร์มุ่งตรงสู่ทะเลญี่ปุ่นแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ที่ผ่านมา เพื่อแสดงแสนยานุภาพและป้องปรามเกาหลีเหนือ
เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากทำเนียบขาวเผชิญปัญหาด้านความน่าเชื่อถือมาหลายครั้งและจากหลากหัวข้อ ซึ่งรวมถึงจำนวนฝูงชนที่ไปร่วมแสดงความยินดีในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์เมื่อวันที่ 20 มกราคม, การที่ประมุขทำเนียบขาวอ้างว่าถูกคณะบริหารชุดที่แล้วของบารัค โอบามา ดักฟังโทรศัพท์, และการยืนกรานว่าคะแนนโหวตนับล้านในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายนเป็นคะแนนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ในวันพุธ (19) ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวออกโรงแก้ต่างว่า คำประกาศของทรัมป์ว่าอเมริกากำลังส่งกองเรือไปยังคาบสมุทรเกาหลีเป็นเรื่องจริงซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ พร้อมกับบอกว่าทรัมป์ก็ไม่ได้แจ้งกำหนดชัดเจนว่าหมู่เรือรบนี้จะไปถึงเมื่อใด เนื่องจากเป็นความลับทางทหาร
ด้านแมตติสให้สัมภาษณ์จากซาอุดีอาระเบียว่า เพนตากอนพยายามเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของวินสันอย่างโปร่งใส และย้ำว่ากองเรือนี้เป็นส่วนหนึ่งในการรับประกันว่า อเมริกาจะยืนหยัดเคียงข้างพันธมิตรในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
นอกจากนั้น เมื่อคืนวันอังคาร (18) พลเรือตรี จิม คิลบี ผู้บัญชาการหมู่เรือโจมตี คาร์ล วินสัน ยังโพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ได้ขยายเวลาประจำการของหมู่เรือนี้ในคาบสมุทรเกาหลีออกไปอีก 30 วัน
ด้าน เจมส์ เฟห์ อดีตผู้อำนวยการกิจการเกาหลีของเพนตากอนสมัยโอบามา แสดงความเห็นว่า การส่งหมู่เรือคาร์ล วินสัน เข้าประจำการในคาบสมุทรเกาหลี ไม่ใช่สิ่งที่สามารถชี้เป็นชี้ตายวิกฤตนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ เนื่องจากอเมริกามีอาวุธยุทโธปกรณ์มากมาย และกำลังพลอีกนับหมื่นในเกาหลีใต้เพื่อป้องปรามเปียงยางอยู่แล้ว แต่ที่อันตรายก็คือ การใช้วาจาก้าวร้าวเผ็ดร้อนของคณะบริหารทรัมป์
ในส่วนของ โกลบัล ไทมส์ หนังสือพิมพ์ทรงอิทธิพลในแดนมังกรที่ตีพิมพ์โดยเหรินหมินรึเป้า ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น วิจารณ์ว่า ดูเหมือนกองทัพและผู้นำสหรัฐฯ ร่วมกันกุข่าวเรื่องหมู่เรือโจมตี คาร์ล วินสัน ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นกรณีอื้อฉาวแปลกประหลาดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่จะทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของทรัมป์และอเมริกา
แต่ฝ่ายเกาหลีเหนือนั้นไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ขณะประกาศว่าอเมริกาและพันธมิตร “ไม่ควรกวนโทสะเรา”
หนังสือพิมพ์โรดอง ชินมุนของพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือที่ใชชื่ออย่างเป็นทางการว่า พรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลีถ่ายทอดถ้อยแถลงของทางการโสมแดงที่บอกว่า “ในกรณีที่เราเริ่มการโจมตีก่อนอันทรงอานุภาพ จะไม่ได้เพียงทำให้กองกำลังจักรวรรดินิยมของอเมริกาในเกาหลีใต้และบริเวณโดยรอบหายวับไปกับตาเท่านั้น แต่ยังทำให้แผ่นดินใหญ่ของอเมริกากลายเป็นเถ้าธุลีไปด้วย”
ที่วอชิงตัน เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า อเมริกากำลังทบทวนสถานะทั้งหมดของเกาหลีเหนือ ทั้งในแง่การเป็นผู้ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายและอื่นๆ เพื่อหาแนวทางเพิ่มการกดดันให้เกาหลีเหนือยุติโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ รวมทั้งกลับมาปฏิสัมพันธ์กับอเมริกาภายใต้จุดยืนใหม่
คำแถลงของทิลเลอร์สันสอดคล้องกับที่รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ผู้อยู่ระหว่างการเยือนเอเชีย กล่าวย้ำก่อนหน้านี้ว่า ยุคของการอดกลั้นทางยุทธศาสตร์ต่อเกาหลีเหนือจบลงแล้ว
ในวันพุธ พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวขณะเยือนลอนดอนว่า อเมริกาไม่ควรตัดตัวเลือกการใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อกดดันเปียงยาง เพราะประเทศที่ศิวิไลซ์ไม่สามารถปล่อยให้ผู้นำเผด็จการอย่างคิม จองอึน เถลิงอำนาจต่อ
ไรอันยกย่องผลจากความพยายามในการทำงานร่วมกับจีนเพื่อลดความตึงเครียด แต่สำทับว่ายอมรับไม่ได้ที่เกาหลีเหนืออาจยังสามารถโจมตีพันธมิตรของอเมริกาด้วยอาวุธนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือนั้นทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ถี่ขึ้นในระยะหลัง ครั้งล่าสุดคือเมื่อวันอาทิตย์ (16) แต่ล้มเหลว นอกจากนั้นเปียงยางยังประกาศว่าพร้อมทดสอบขีปนาวุธทุกสัปดาห์ และจะตอบโต้ศัตรูด้วยอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อประเทศรอบข้าง โดยเฉพาะเกาหลีใต้ที่ยังถือเป็นคู่สงครามกับโสมแดง และญี่ปุ่น พันธมิตรใกล้ชิดของอเมริกา
วันพฤหัสฯ (20) ควาง คโย-อัน รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เรียกร้องให้รัฐมนตรีกลาโหมและความมั่นคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ในอีกด้านหนึ่ง ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวันพุธ (19) ซึ่งพิจารณาร่างคำแถลงของอเมริกาในการประณามการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเมื่อวันอาทิตย์นั้น ปรากฏว่ารัสเซียได้ขัดแย้งกับสหรัฐฯ ในเรื่องถ้อยคำบางตอน ขณะนักการทูตเผยว่าจีนเห็นด้วยกับร่างนี้โดยดี
ทั้งนี้ ในร่างคำแถลงทำนองนี้ที่ยูเอ็นเคยออกมาก่อนหน้านี้ นอกจากมีเนื้อหาประณามเกาหลีเหนือแล้วยังแสดงการยกย่องความพยายามของสมาชิกคณะมนตรี รวมถึงประเทศอื่นๆ ในการส่งเสริมการแก้ปัญหาอย่างสันติและครอบคลุมผ่านการเจรจา
ผู้แทนของรัสเซียประจำยูเอ็นเผยว่า ร่างคำแถลงล่าสุดของอเมริกาตัดข้อความที่ระบุว่า “ผ่านการเจรจา” ออกไป และมอสโกยืนกรานให้บรรจุวลีดังกล่าวตามเดิมเนื่องจากเห็นว่ามีความสำคัญทางการเมือง ทว่า ผู้แทนของอเมริกากลับยกเลิกการเตรียมการร่างคำแถลงดื้อๆ โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ