รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่อเมริกันแฉละเอียดยิบ ทีมคลังสมองเครมลินที่ปูตินควบคุม วางแผนเอาไว้เป็นแรมเดือนที่จะแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อประเคนชัยชนะให้ทรัมป์ และบ่อนทำลายศรัทธาของอเมริกันชนที่ต่อระบบการเลือกตั้งของประเทศ
เจ้าหน้าที่ปัจจุบันของสหรัฐฯ 3 คน และอดีตเจ้าหน้าที่อีก 4 คนบอกกับรอยเตอร์ว่า เอกสารลับจากทีมคลังสมองดังกล่าวให้กรอบโครงและเหตุผลของความพยายามอย่างเข้มข้นของรัสเซียในการแทรกแซงการเลือกตั้งของอเมริกาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของอเมริกาได้เอกสารเหล่านี้ที่จัดเตรียมโดยสถาบันรัสเซียเพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในมอสโก ภายหลังการเลือกตั้งแล้ว
สถาบันดังกล่าวบริหารโดยอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซียที่สำนักประธานาธิบดีรัสเซียแต่งตั้ง
เอกสารฉบับแรกว่าด้วยยุทธศาสตร์ จัดทำขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนและเผยแพร่ในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัฐบาลรัสเซียโดยไม่ระบุเฉพาะเจาะจงผู้ใด ซึ่งแนะนำให้เครมลินเริ่มการโฆษณาชวนเชื่อบนสื่อสังคมและช่องทางสื่อระดับโลกที่รัฐบาลสนับสนุน เพื่อโน้มน้าวให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงอเมริกันเลือกประธานาธิบดีที่มีจุดยืนต่อรัสเซียแข็งกร้าวน้อยกว่าจุดยืนของคณะบริหารของบารัค โอบามาในขณะนั้น
เอกสารฉบับที่สองร่างขึ้นในเดือนตุลาคมและเผยแพร่ในรูปแบบเดียวกัน เตือนว่า ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต มีแนวโน้มชนะการเลือกตั้ง ดังนั้น จึงจะเป็นการดีกว่าถ้ารัสเซียจะยุติการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อช่วยเหลือทรัมป์ และหันมากระพือข่าวเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งเพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของระบบเลือกตั้งสหรัฐฯ และทำลายชื่อเสียงของคลินตันแทน
เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหมดเหล่านี้ขอสงวนชื่อของตัวเอง เนื่องจากเอกสารของรัสเซียถือเป็นเอกสารลับ อีกทั้งงดแสดงความคิดเห็นว่า อเมริกาได้เอกสารมาได้อย่างไร ขณะที่โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และสถาบันที่ตกเป็นข่าวปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ใดๆ
เจ้าหน้าที่ทั้งอดีตและปัจจุบันของสหรัฐฯ กลุ่มนี้เสริมว่า เอกสารเหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้คณะบริหารของโอบามาสรุปว่า รัสเซีย “เต้าข่าว” และเปิดฉากโจมตีทางไซเบอร์ต่อพรรคเดโมแครตและทีมหาเสียงของคลินตัน
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอเมริกาคนหนึ่งชี้ว่า ปูตินมีเป้าหมายในใจมานานและขอให้สถาบันรัสเซียฯ ร่างโรดแมปให้
ทางด้านทรัมป์ยืนกรานมาตลอดว่า กิจกรรมของรัสเซียไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อผลการเลือกตั้งที่ตนเองเป็นผู้ชนะ ขณะที่การสอบสวนของรัฐสภาและสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) เกี่ยวกับการแทรกแซงของรัสเซีย ยังไม่เสร็จสิ้นและยังไม่มีการเปิดเผยหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่า บรรดาผู้ช่วยของทรัมป์รู้เห็นเป็นใจกับเครมลิน
เจ้าหน้าที่อเมริกัน 4 คนแจงว่า แนวทางที่ระบุในเอกสารฉบับเดือนมิถุนายน เป็นการต่อยอดความพยายามของรัฐบาลปูตินในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ที่เครมลินสั่งให้องค์กรสื่อที่รัฐบาลสนับสนุน ซึ่งรวมถึงสื่อระหว่างประเทศอย่างสำนักข่าวรัสเซีย ทูเดย์ และสปุตนิก เริ่มจัดทำรายงานอวยทรัมป์
ทั้งนี้ จากรายงานของหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อเดือนมกราคมนั้น ทั้งสองสำนักข่าวของรัสเซียเป็นโต้โผแพร่ข่าวบ่อนทำลายคลินตัน ขณะที่บล็อกเกอร์โปรเครมลินโจมตีทางทวิตเตอร์ด้วยการกระพือความเคลือบแคลงในความชอบธรรมของชัยชนะที่คาดว่า จะเป็นของคลินตัน และสร้างภาพว่า ทรัมป์ตกเป็นเหยื่อของสื่อกระแสหลักดั้งเดิม
คลิปยอดนิยมของรัสเซีย ทูเดย์ คือคลิปที่ชื่อ “วิธีการที่ครอบครัวคลินตันฮุบเงินบริจาคทั้ง 100% ของมูลนิธิตัวเอง” ซึ่งมียอดคนเข้าชมบนโซเชียลถึง 9 ล้านวิว
รัสเซีย ทูเดย์ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้ ขณะที่โฆษกของสปุตนิกปฏิเสธการกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และสำทับว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทถูกกล่าวหาว่า มีส่วนร่วมในโครงการเต้าข่าวของเครมลิน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 4 คนนี้ยังระบุว่า เอกสารของสถาบันรัสเซียฯ ไม่พาดพิงถึงการปล่อยอีเมลที่แฮ็กจากเดโมแครตเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งในอเมริกา ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านี้ระบุว่า เป็นปฏิบัติการลับที่เครมลินบัญชาการ และยังบอกว่า การโฆษณาชวนเชื่ออย่างโจ่งแจ้งและการซุ่มเจาะระบบส่งเสริมกันและกันเป็นอย่างดี โดยทั้งรัสเซีย ทูเดย์และสปุตนิกต่างทุ่มโปรโมทอีเมลของเดโมแครตที่มีรายละเอียดชวนกระอักกระอ่วน
มีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 5 คนระบุว่า สถาบันรัสเซียฯ เป็นทีมคลังสมองด้านนโยบายต่างประเทศของเครมลิน
จากเว็บไซต์ของสถาบันนี้ ผู้อำนวยการในขณะที่มีการจัดทำเอกสารยุทธศาสตร์แทรกแซงการเมืองแดนอินทรีคือ ลีโอนิด เรเชตนิคอฟ ที่ไต่เต้าจากหน่วยงานข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซียนาน 33 ปีสู่ตำแหน่งพลโท และหลังจากเรเชตนิคอฟเกษียณจากสถาบันรัสเซียฯ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปูตินก็แต่งตั้งมิคาอิล ฟราดคอฟ อดีตผู้อำนวยการหน่วยงานข่าวกรองต่างประเทศระหว่างปี 2007-2016 ดำรงตำแหน่งแทน
เว็บไซต์ของสถาบันรัสเซียฯ ยังระบุว่าตนเองทำหน้าที่ในการจัดหาการประเมิน ข้อเสนอแนะ และการวิเคราะห์ระดับผู้เชี่ยวชาญให้แก่สำนักประธานาธิบดี คณะรัฐมนตรี สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงต่างๆ และรัฐสภารัสเซีย
วันที่ 31 มกราคม เว็บไซต์ของสำนักประธานาธิบดีรัสเซียและสถาบันรัสเซียฯ โพสต์ภาพและเนื้อความการสนทนาของเรเชตนิคอฟและฟราดคอฟระหว่างพบกับปูตินในเครมลิน ซึ่งปูตินขอบคุณการทำงานของเรเชตนิคอฟ และบอกฟราดคอฟว่า ต้องการให้สถาบันนำเสนอข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นกลางต่อไป และเรเชตนิคอฟตอบประมุขเครมลินว่า
“เราทุ่มเทอย่างดีที่สุดมาตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปีเพื่อส่งเสริมแนวคิดด้านนโยบายของคุณ นโยบายของรัสเซียและนโยบายของประธานาธิบดีรัสเซียคือเสาหลักในการปฏิบัติงานของเรา”