เอเจนซีส์ - การประท้วงอดอาหารย่างเข้าสู่วันที่ 2 ของการประท้วงอดอาหารนักโทษปาเลสไตน์ 1,100 คนในเรือนจำ 8 แห่งในวันนี้ (18 เม.ย.) เรียกร้องสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำอิสราเอล ด้านผู้นำการเคลื่อนไหว มาร์วิน บาร์กูตี (Marwan Barghouti) นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพชาวปาเลสไตน์ และถูกมองว่ามีสิทธิ์สืบทอดอำนาจต่อจากประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำขังเดี่ยว สำนักงานระบบเรือนจำอิสราเอล IPS แถลงต้องมีการลงโทษด้านวินัย
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้ (18 เม.ย.) ว่า มาร์วิน บาร์กูตี (Marwan Barghouti) วัย 57 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟาตาห์ (Fatah) กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองของประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส ผู้นำการเคลื่อนไหวประท้วงอดอาหารหมู่ ที่เริ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ (17) ล่าสุดถูกสำนักงานระบบเรือนจำอิสราเอล IPS ส่งตัวแยกไปขังเดี่ยวในวันนี้ พบว่ายังคงมีการอดอาหารประท้วงสภาพเรือนจำต่อเป็นวันที่ 2 โดยสื่ออังกฤษระบุว่ามีผู้เข้าร่วมเป็นนักโทษปาเลสไตน์ไม่ต่ำกว่า 1,100 ในเรือนจำ 8 แห่งทั่วอิสราเอล
ในวันอังคาร (18 เม.ย.) เจ้าหน้าที่เรือนจำยิวเข้าสลายการประท้วงอดอาหารหมู่ครั้งใหญ่ และทำการส่งแกนนำแยกไปขังในเรือนจำที่ต่างกันออกไป พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นเพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาผู้ประท้วงแอบลักลอบส่งข้อความออกไปภายนอก
ด้านรัฐมนตรีความปลอดภัยสาธารณอิสราเอล กีลาด เออร์แดน (Gilad Erdan) ประกาศจุดยืน เจ้าหน้าที่อิสราเอลจะไม่มีวันต่อรองกับกลุ่มนักโทษเด็กขาด และกล่าวต่อว่า บาร์กูตี ที่เดิมถูกขังในเรือนจำฮาดาริม (Hadarim) ได้ถูกส่งตัวต่อไปยังเรือนจำอื่นแล้ว ที่มีรายงานว่า คือเรือนจำไฮฟา (Haifa) และถูกส่งเข้าห้องขังเดี่ยว
แต่ทว่า อัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์อ้างว่า นักต่อสู้เสรีภาพปาเลสไตน์รายนี้ถูกส่งตัวไปขังที่เรือนจำจาลามา (Jalama)
เออร์แดนกล่าวให้สัมภาษณ์กับวิทยุทหารอิสราเอลว่า “พวกนี้เป็นผู้ก่อการร้าย และเป็นนักโทษฆ่าคนตาย ที่กำลังได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้ และทางเราไม่มีเหตุผลที่ต้องเจรจาด้วย”
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ตัวเลขนักโทษปาเลสไตน์ที่เข้าร่วมอยู่ระหว่าง 1,100-1,500 คน สื่ออังกฤษชี้ว่า การก่อหวอดประท้วงอดอาหารหมู่ครั้งใหญ่นี้สร้างความโกรธให้กับเจ้าหน้าที่ยิวเพิ่มขึ้น จากแต่เดิมที่เริ่มมาจากบทความที่เขียนโดยบาร์กูตีในการเรียกร้องความยุติธรรมผ่านการประท้วงอดอาหาร ซึ่งถูกตีพิมพ์เผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ในวันอาทิตย์ (16 เม.ย.)
โดยอัลญะซีเราะห์ระบุว่า เจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า มาร์วิน บาร์กูตี ใช้ให้ภรรยาของตัวเองลักลอบนำบทความออกนอกเรือนจำเพื่อส่งต่อให้หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ
และพบว่าในการประท้วงอดอาหารในวันจันทร์ (17) บังเอิญถูกจัดให้ตรงกับ “วันนักโทษแห่งชาติปาเลสไตน์” ซึ่งถือเป็นวันสำคัญในดินแดนปาเลสไตน์ที่ต้องการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับนักโทษชาวปาเลสไตน์คดีความมั่นคงจำนวนไม่ต่ำกว่า 6,000 คนถูกขังอยู่ภายในระบบเรือนจำอิสราเอล
สื่อกาตาร์รายงานเพิ่มเติมว่า ในวันจันทร์ (17) คณะกรรมาธิการด้านกิจการนักโทษปาเลสไตน์ (The Palestinian Committee of Prisoners' Affairs) ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำยิว IPS ใช้กำลังเคลื่อนย้ายนักโทษที่กำลังอดอาหารประท้วงไปยังส่วนอื่นของระบบเรือนจำอิสราเอล พร้อมกันนั้นยังยึดเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัว รวมไปถึงยังส่งตัวกลุ่มแกนนำการประท้วงไปขังเดี่ยว
ทั้งนี้ พบว่านอกจากบาร์กูตีที่เป็นแกนำแล้ว ยังรวมไปถึง คาริม ยูนิส (Karim Younis) และมาห์มูด อาบู ซุรู (Mahmoud Abu Srour) ถูกส่งตัวไปขังในเรือนจำจาลามา ตั้งแต่ค่ำวันจันทร์ (17) โดยคนทั้งหมดถูกแยกขังเดี่ยว
นอกจากนี้ มีรายงานว่าบาร์กูตีจะต้องถูกส่งขึ้นศาลวินัย ในคดีที่เขาตีพิมพ์บทความลงในคอลัมน์แสดงความเห็นบนหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ซึ่งในบทความนี้ได้มีการบรรยายถึง สภาพความยากลำบากที่ต้องผจญของนักโทษทางการเมืองปาเลสไตน์ในแต่ละวันภายในเรือนจำยิว และจุดประสงค์เบื้องหลังการก่อประท้วงอดอาหารหมู่
แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศอิสราเอลออกมาตอบโต้ผ่านแถลงการณ์ โดยอ้างว่า “นักโทษปาเลสไตน์ไม่ใช่นักโทษทางการเมือง เพราะคนเหล่านี้ถูกลงโทษในฐานะผู้ก่อการร้าย และฆ่าคนตาย ซึ่งพวกเขาถูกนำมาขึ้นศาลยุติธรรม และถูกปฎิบัติอย่างเหมาะสมภายใต้กรอบกฎหมายนานาชาติ” เดอะการ์เดียนรายงาน
ทั้งนี้ สำหรับในส่วนของบาร์กูตี พบว่าเขาถูกศาลอิสราเอลสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 40 ปี หลังถูกจับกุมในปี 2002 ในข้อหาเป็นผู้ชี้นำให้มีการทำร้ายพลเมืองอิสราเอล ซึ่งพบว่าตัวของบาร์กูตีปฏิเสธจะขึ้นสู้ในชั้นศาล โดยอ้างว่ากระบวนการทางยุติธรรมของยิวนั้นไม่ถูกกฎหมาย โดยทนายความส่วนตัวของบาร์กูตีได้เปิดเผยกับวิทยุทหารอิสราเอล ระบุว่าแผนการประท้วงอดอาหารครั้งใหญ่นั้นถูกวางแผนร่วมกับเพื่อนนักโทษมานานไม่ต่ำกว่า 1 ปี
ทั้งนี้ ในบทความเรียกร้องของเขาบนนิวยอร์กไทม์ส บาร์กูตีประกาศว่า นักโทษปาเลสไตน์ต้องการ “ให้มีการปรับปรุงสิทธิการเยี่ยมญาติของบรรดานักโทษ” และรวมไปถึง “การเข้าถึงโทรศัพท์ให้ง่ายขึ้น”
ถึงแม้ว่านักโทษปาเลสไตน์จะมีสิทธิ์รับการเยี่ยมจากครอบครัว แต่ทว่าชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์จำเป็นต้องขออนุญาตก่อนเดินทางเข้าอิสราเอล และส่วนมากคำขอของคนเหล่านี้จะถูกปฏิเสธ และทำให้สิทธิ์การได้รับเยี่ยมของนักโทษทุก 2 สัปดาห์ต้องหมดโอกาสไป