รอยเตอร์ - รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ บอกกับบรรดาผู้นำภาคธุรกิจเกาหลีใต้ในกรุงโซลวันนี้ (18 เม.ย.) ว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีการทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างทั้งสองชาติ หลังสหรัฐฯ เป็นฝ่ายขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวนับตั้งแต่มีการบังคับใช้ข้อตกลงเมื่อ 5 ปีก่อน อีกทั้งภาคธุรกิจอเมริกันในแดนโสมก็ยังเผชิญมาตรการกีดกันหลายอย่าง
เพนซ์ ได้พบปะกับนักธุรกิจชั้นนำในเกาหลีใต้ ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังกรุงโตเกียวในวันนี้ (18) ซึ่งเขาจะได้หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาโร อาโสะ เพื่อกรุยทางให้สินค้าจากสหรัฐฯ สามารถส่งเข้าไปตีตลาดแดนอาทิตย์อุทัยได้มากขึ้น
ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศนโยบายลดการขาดดุลกับประเทศคู่ค้าสำคัญๆ เช่น จีน และญี่ปุ่น และส่งเสริมการจ้างงานในภาคการผลิตของสหรัฐฯ
“นี่คือความจริงที่ยากจะยอมรับ... แต่เราก็ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาในส่วนที่ความสัมพันธ์ทางการค้ายังขาดดุล” เพนซ์ กล่าวต่อที่ประชุมหอการค้าอเมริกันในกรุงโซล พร้อมระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะร่วมมือกับภาคธุรกิจเพื่อปฏิรูปข้อตกลงการค้าเสรี
ทรัมป์ เรียกคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันด้วยสโลแกน “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) โดยให้คำมั่นว่าจะแก้ไขข้อตกลงการค้าที่เป็นผลเสียต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ
ข้อมูลทางการระบุว่า ก่อนที่ข้อตกลงการค้าเสรีจะเริ่มมีผลบังคับเมื่อปี 2012 เกาหลีใต้เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ อยู่ราว 11,600 ล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2011 ทว่าในปี 2016 ตัวเลขนี้กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจเป็น 23,200 ล้านดอลลาร์
เจมส์ คิม ผู้บริหารจีเอ็ม โคเรีย บริษัทในเครือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ชี้ว่ายังมีโอกาสที่จะแก้ไขปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างวอชิงตันและโซล
“เราจำเป็นต้องลดมาตรฐานเฉพาะตัวของเกาหลีใต้ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อส่งเสริมให้การซื้อสินค้าของอเมริกาที่ผลิตในอเมริกาทำได้ง่ายขึ้น” คิม กล่าวระหว่างประชุมร่วมกับเพนซ์