เอพี/รอยเตอร์ - เกาหลีเหนืออวดโอ่อาวุธที่ดูเหมือนจะเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปและขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำแบบใหม่ ในการสวนสนามครั้งมโหฬารที่กรุงเปียงยาง เนื่องในวาระครบรอบ 105 ปีวันคล้ายวันเกิดของ คิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศเมื่อวันเสาร์ (15 เม.ย.) ในขณะที่หมู่เรือโจมตีของสหรัฐฯนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ เดินเครื่องแล่นเข้าสู่ภูมิภาคแถบนี้
คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีกิริยาท่าทางปิติยินดี และพูดจาหัวเราะกับพวกผู้ช่วย ไม่ได้ขึ้นพูดระหว่างการสวนสนามประจำปีเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของคุณปู่แท้ๆ ของเขา แต่ โช รยอง-แฮ (Choe Ryong Hae) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของโสมแดงซึ่งเป็นผู้กล่าวปราศรัย ก็ประกาศว่าเกาหลีเหนือจะยืนหยัดต่อสู้กับภัยคุกคามใดๆ ก็ตามจากสหรัฐฯ
โช ซึ่งถูกมองอย่างกว้างขวางจากพวกนักวิเคราะห์ว่าเป็นเจ้าหน้าที่หมายเลข 2 ของโสมแดงในปัจจุบัน บอกว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯมีความผิดโทษฐาน “กำลังสร้างสถานการณ์สงคราม” ขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี ด้วยการส่งกำลังทหารสหรัฐฯเข้ามายังภูมิภาคนี้
“เราจะตอบโต้รับมือกับสงครามแบบสู้รบกันอย่างไม่มียั้ง ด้วยสงครามแบบสู้รบกันอย่างไม่มียั้งและสงครามนิวเคลียร์ โดยการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในแบบสไตล์ของเรา” โชกล่าว
การสวนสนามคราวนี้ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ประจำปีในวาระวันหยุดราชการสำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือที่เรียกขานว่าเป็น “วันแห่งดวงตะวัน” (Day of the Sun) บังเกิดขึ้นในขณะนานาชาติมีความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า โสมแดงอาจจะกำลังเตรียมทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ของตน หรือทดลองยิงขีปนาวุธครั้งใหญ่ เป็นต้นว่าการทดสอบปล่อยขีปนาวุธนำวิถีข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ซึ่งมีศักยภาพที่จะยิงไปถึงชายฝั่งของสหรัฐฯได้เป็นครั้งแรก
แต่ถ้าการสวนสนามครั้งนี้เป็นสัญญาณแสดงถึงการเตรียมพร้อมสำหรับสงครามแล้ว เกาหลีเหนือก็ได้ยืนยันมาเป็นเวลานานแล้วว่าเป้าหมายของพวกเขาคือสันติภาพและความอยู่รอด --โดยที่คลังแสงอาวุธที่กำลังขยายใหญ่โตขึ้นทุกที เป็นหนทางหนึ่งในการทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาว่ารัฐบาลในกรุงเปียงยางจะไม่ถูกโค่นล้มลงอย่างง่ายๆ
ทั้งนี้เกาหลีเหนือมองว่าการที่ทั้งซัดดัม ฮุสเซน ในอิรัก และ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ในลิเบีย ซึ่งต่างก็ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ได้ถูกโค่นล้มลงไป คือเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังอำนาจของอาวุธประเภทนี้ที่โสมแดงต้องมีในครอบครองให้จงได้
“มันจะเป็นการคาดคำนวณผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุด ถ้าสหรัฐฯปฏิบัติต่อเราแบบเดียวกับอิรักและลิเบีย ซึ่งกำลังใช้ชีวิตอยู่ในชะตากรรมอันลำบากยากแค้นในฐานะเป็นเหยื่อของการรุกราน หรือแบบเดียวกับซีเรีย ซึ่งไม่ได้ทำการตอบโต้ในทันทีแม้หลังจากได้ถูกโจมตีแล้ว” นี่เป็นเนื้อหาในคำแถลงเมื่อวันศุกร์ (14) ของคณะเสนาธิการใหญ่กองทัพเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการโสมแดง
ในวันศุกร์ (14) เช่นเดียวกัน ฮัน ซอง-รโยล รองรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ ได้บอกกับสำนักข่าวเอพีในการให้สัมภาษณ์พิเศษว่า ข้อความต่างๆ ที่ทวิตออกมาของประธานาธิบดีทรัมป์ คือการทำให้ความตึงเครียดยิ่งโหมฮือรุนแรง ทั้งนี้ ในบรรดาข้อความที่ทรัมป์ทวีตเกี่ยวกับเกาหลีเหนือในช่วงไม่นานมานี้ ก็มีดังเช่น การระบุว่าเกาหลีเหนือ “กำลังมองหาความลำบากเดือดร้อน”
“ทรัมป์กำลังทำการยั่วยุอยู่เสมอด้วยถ้อยคำก้าวร้าวของเขา” ฮัน บอก
การที่สหรัฐฯ ทำการโจมตีซีเรียก่อนหน้านี้ในเดือนนี้โดยระบุว่าเป็นการตอบโต้การที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีใส่พลเรือน บวกกับการที่ทรัมป์กำลังจัดส่งหมู่เรือโจมตีซึ่งเขาเรียกขานว่าเป็น “กองเรือรบใหญ่” เข้าสู่ภูมิภาคแถบนี้ ก่อให้เกิดความหวาดกลัวในเกาหลีใต้ว่า สหรัฐฯ กำลังเตรียมตัวสำหรับการปฏิบัติการทางทหารเพื่อเล่นงานโสมแดง
เปียงยางยังแสดงความโกรธเกรี้ยวต่อการซ้อมรบประจำปีระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ซึ่งจัดกันอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยบอกว่ามันเป็นการฝึกซ้อมเพื่อการรุกรานโสมแดง
ทว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกกับเอพีในวันศุกร์ (14) ว่า คณะบริหารทรัมป์นั้นได้ลงตัวกันแล้วในเรื่องที่จะใช้นโยบายซึ่งเน้นหนักที่การเพิ่มแรงกดดันต่อเปียงยางให้มากขึ้น ด้วยความช่วยเหลือของจีน ที่เป็นพันธมิตรสำคัญรายเดียวที่เกาหลีเหนือมีอยู่ แทนที่จะใช้ทางเลือกทางการทหาร หรือการโค่นล้มระบอบปกครองคิม
เจ้าหน้าที่ทางทหารของสหรัฐฯผู้หนึ่ง ซึ่งขอให้สงวนนามในขณะที่พูดคุยกับผู้ส่อข่าวเกี่ยวกับแผนการที่จะจัดการกับเกาหลีเหนือ ได้บอกว่าสหรัฐฯไม่ได้มีความตั้งใจที่จะใช้กำลังทหารเข้าเล่นงานโสมแดงเพื่อเป็นการตอบโต้ในกรณีที่เกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์หรือยิงขีปนาวุธ
คิม ซึ่งปรากฏตัวที่งานสวมสนามเมื่อวันเสาร์ (15) ในชุดสูทและผูกไท ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้องสนั่นหวันไหวชนิดที่ผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างเข้มข้น ขณะที่เขาก้าวขึ้นสู่เวทีขนาดใหญ่สำหรับเหล่าผู้นำ และคิมก็ปรบมือตอบรับทหารและพลเรือนซึ่งกำลังเข้าร่วมการสวนสนามซึ่งจัดขึ้นที่จัตุรัสคิม อิลซุง ของกรุงเปียงยาง
การสวนสนาม อันเป็นการแสดงออกอย่างละเอียดถี่ถ้วนของอำนาจอันล้นพ้นของรัฐแห่งนี้ มีผู้เข้าร่วมนับหมื่นๆคน ตั้งแต่แถวทหารที่เดินสวมสนามด้วยท่ายกเท้าสูง ไปจนถึงฝูงชนพลเรือนซึ่งใช้เวลาหลายๆ สัปดาห์ฝึกปรือความสามารถของพวกเขาจนสามารถโบกดอกไม้พลาสติกในมือได้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ทว่าสำหรับพวกนักวิเคราะห์ทางทหารจากโลกภายนอกแล้ว ไฮไลต์ของการสวนสนามคราวนี้ย่อมอยู่ที่อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเกาหลีเหนือนำออกมาแสดงอวดโอ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขีปนาวุธ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายบอกว่า โสมแดงนำเอาสิ่งที่น่าจะเป็นขีปนาวุธนำวิถีข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ใหม่ๆ ออกมาโชว์ เช่นเดียวกับขีปนาวุธนำวิถีแบบยิงจากเรือดำน้ำ (เอสแอลบีเอ็ม)
รองประธานาธิบดีเพนซ์ของสหรัฐฯ เยือนเกาหลีใต้
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีใต้ กล่าวโจมตีคณะบริหารทรัมป์ว่า กำลังแสดง “อาการฮิสทีเรีย (โรคประสาทแสดงอาการหวาดผวา) ในทางการทหารอย่างร้ายแรง” จนกระทั่งมาถึง “ระยะอันตรายซึ่งไม่สามารถที่จะปล่อยปละได้อีกต่อไป”
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯกล่าวเตือนว่า การใช้นโยบาย “ความอดทนอดกลั้นทางยุทธศาสตร์” กับเกาหลีใต้ได้ถึงจุดจบสิ้นลงแล้ว ขณะที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ ก็กำลังเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ในวันอาทิตย์ (16) เป็นการเริ่มต้นทริปเยือนเอเชียรวม 10 วันของเขา
ไม่เหมือนกับการสวนสนามครั้งก่อนๆ จำนวนมากในเกาหลีเหนือ ในคราวนี้ไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนเข้าร่วมด้วย จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญเพียงรายเดียวของโสมแดง ในช่วงหลังๆ มานี้ได้หันมาแถลงแสดงการคัดค้านการที่เปียงยางทดลองอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ รวมทั้งให้การสนับสนุนมาตรการลงโทษคว่ำบาตรของสหประชาชาติด้วย ถึงแม้เมื่อวันศุกร์ (14) จีนได้เรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆ เปิดการเจรจากันพื่อปลดชนวนวิกฤตการณ์คราวนี้
เวลานี้จีนกำลังเพิ่มแรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ โดยประกาศห้ามนำเข้าถ่านหินจากโสมแดงเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรการลงโทษคว่ำบาตรของยูเอ็น ซึ่งเท่ากับเป็นห้ามสินค้าส่งออกสำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือ
แอร์ ไชน่า สายการบินแห่งชาติของจีน ตั้งแต่หลายๆ สัปดาห์มาแล้วได้ยกเลิกบางเที่ยวบินไปยังกรุงเปียงยางสืบเนื่องจากไม่ค่อยมีผู้โดยสาร แต่ยังไม่ได้ระงับเที่ยวบินทั้งหมดไปยังเมืองหลวงเกาหลีเหนือ สายการบินแห่งนี้แถลงในวันศุกร์ (14) อันเป็นการปฏิเสธรายงานข่าวของ ซีซีทีวี สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีนที่กล่าวว่าแอร์ ไชน่า สั่งหยุดเที่ยวบินทั้งหมดของตนที่ไปกลับระหว่างสองประเทศแล้ว
โกลบัลไทมส์ หนังสือพิมพ์ในเครือของเหรินหมินรึเป้า ปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขียนในบทบรรณาธิการว่า เกาหลีเหนือต้องรู้สึกถึงคลื่นช็อกจากมหาลูกระเบิดหนัก 11 ตันที่ได้ชื่อว่า “มารดาแห่งลูกระเบิดทั้งหลาย” ซึ่งสหรัฐฯทิ้งถล่มใส่บังเกอร์ใต้ดินของกลุ่มนักรบที่โยงใยกับพวก “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในอัฟกานิสถานเมื่อวันพฤหัสบดี (13)
“จะเป็นเรื่องดีทีเดียวถ้าการทิ้งระเบิดนี้สามารถทำให้เปียงหยางหวาดกลัว ทว่าผลกระทบอันแท้จริงของมันน่าจะออกมาในทางตรงกันข้าม” โกลบัลไทมส์บอก