xs
xsm
sm
md
lg

“เกาหลีเหนือ” จัดสวนสนามอวดขีปนาวุธแบบใหม่ ขณะเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ แล่นใกล้เข้ามา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>แถวพลเรือนถือธงชาติบริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์ของ คิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ (ซ้าย) และ คิม จองอิล ผู้นำคนถัดมาที่ล่วงลับไป (ขวา) ระหว่างการสวนสนามระลึกวาระครบ 105 ปีวันคล้ายวันเกิดของคิม อิลซุง ณ กรุงเปียงยางเมื่อวันเสาร์ (15 เม.ย.) </i>
เอพี/รอยเตอร์ - เกาหลีเหนืออวดโอ่อาวุธที่ดูเหมือนจะเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปและขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำแบบใหม่ ในการสวนสนามครั้งมโหฬารที่กรุงเปียงยาง เนื่องในวาระครบรอบ 105 ปีวันคล้ายวันเกิดของ คิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศเมื่อวันเสาร์ (15 เม.ย.) ในขณะที่หมู่เรือโจมตีของสหรัฐฯนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ เดินเครื่องแล่นเข้าสู่ภูมิภาคแถบนี้

คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีกิริยาท่าทางปิติยินดี และพูดจาหัวเราะกับพวกผู้ช่วย ไม่ได้ขึ้นพูดระหว่างการสวนสนามประจำปีเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของคุณปู่แท้ๆ ของเขา แต่ โช รยอง-แฮ (Choe Ryong Hae) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของโสมแดงซึ่งเป็นผู้กล่าวปราศรัย ก็ประกาศว่าเกาหลีเหนือจะยืนหยัดต่อสู้กับภัยคุกคามใดๆ ก็ตามจากสหรัฐฯ

โช ซึ่งถูกมองอย่างกว้างขวางจากพวกนักวิเคราะห์ว่าเป็นเจ้าหน้าที่หมายเลข 2 ของโสมแดงในปัจจุบัน บอกว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯมีความผิดโทษฐาน “กำลังสร้างสถานการณ์สงคราม” ขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี ด้วยการส่งกำลังทหารสหรัฐฯเข้ามายังภูมิภาคนี้

“เราจะตอบโต้รับมือกับสงครามแบบสู้รบกันอย่างไม่มียั้ง ด้วยสงครามแบบสู้รบกันอย่างไม่มียั้งและสงครามนิวเคลียร์ โดยการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในแบบสไตล์ของเรา” โชกล่าว
<i>แถวของทหารหน่วยรบพิเศษเกาหลีเหนือ ในงานสวนสนามเมื่อวันเสาร์ (15 เม.ย.) </i>
<i>แถวทหารหญิงเกาหลีเหนือ </i>
การสวนสนามคราวนี้ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ประจำปีในวาระวันหยุดราชการสำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือที่เรียกขานว่าเป็น “วันแห่งดวงตะวัน” (Day of the Sun) บังเกิดขึ้นในขณะนานาชาติมีความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า โสมแดงอาจจะกำลังเตรียมทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ของตน หรือทดลองยิงขีปนาวุธครั้งใหญ่ เป็นต้นว่าการทดสอบปล่อยขีปนาวุธนำวิถีข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ซึ่งมีศักยภาพที่จะยิงไปถึงชายฝั่งของสหรัฐฯได้เป็นครั้งแรก

แต่ถ้าการสวนสนามครั้งนี้เป็นสัญญาณแสดงถึงการเตรียมพร้อมสำหรับสงครามแล้ว เกาหลีเหนือก็ได้ยืนยันมาเป็นเวลานานแล้วว่าเป้าหมายของพวกเขาคือสันติภาพและความอยู่รอด --โดยที่คลังแสงอาวุธที่กำลังขยายใหญ่โตขึ้นทุกที เป็นหนทางหนึ่งในการทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาว่ารัฐบาลในกรุงเปียงยางจะไม่ถูกโค่นล้มลงอย่างง่ายๆ

ทั้งนี้เกาหลีเหนือมองว่าการที่ทั้งซัดดัม ฮุสเซน ในอิรัก และ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ในลิเบีย ซึ่งต่างก็ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ได้ถูกโค่นล้มลงไป คือเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังอำนาจของอาวุธประเภทนี้ที่โสมแดงต้องมีในครอบครองให้จงได้

“มันจะเป็นการคาดคำนวณผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุด ถ้าสหรัฐฯปฏิบัติต่อเราแบบเดียวกับอิรักและลิเบีย ซึ่งกำลังใช้ชีวิตอยู่ในชะตากรรมอันลำบากยากแค้นในฐานะเป็นเหยื่อของการรุกราน หรือแบบเดียวกับซีเรีย ซึ่งไม่ได้ทำการตอบโต้ในทันทีแม้หลังจากได้ถูกโจมตีแล้ว” นี่เป็นเนื้อหาในคำแถลงเมื่อวันศุกร์ (14) ของคณะเสนาธิการใหญ่กองทัพเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการโสมแดง

ในวันศุกร์ (14) เช่นเดียวกัน ฮัน ซอง-รโยล รองรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ ได้บอกกับสำนักข่าวเอพีในการให้สัมภาษณ์พิเศษว่า ข้อความต่างๆ ที่ทวิตออกมาของประธานาธิบดีทรัมป์ คือการทำให้ความตึงเครียดยิ่งโหมฮือรุนแรง ทั้งนี้ ในบรรดาข้อความที่ทรัมป์ทวีตเกี่ยวกับเกาหลีเหนือในช่วงไม่นานมานี้ ก็มีดังเช่น การระบุว่าเกาหลีเหนือ “กำลังมองหาความลำบากเดือดร้อน”

“ทรัมป์กำลังทำการยั่วยุอยู่เสมอด้วยถ้อยคำก้าวร้าวของเขา” ฮัน บอก

การที่สหรัฐฯ ทำการโจมตีซีเรียก่อนหน้านี้ในเดือนนี้โดยระบุว่าเป็นการตอบโต้การที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีใส่พลเรือน บวกกับการที่ทรัมป์กำลังจัดส่งหมู่เรือโจมตีซึ่งเขาเรียกขานว่าเป็น “กองเรือรบใหญ่” เข้าสู่ภูมิภาคแถบนี้ ก่อให้เกิดความหวาดกลัวในเกาหลีใต้ว่า สหรัฐฯ กำลังเตรียมตัวสำหรับการปฏิบัติการทางทหารเพื่อเล่นงานโสมแดง

เปียงยางยังแสดงความโกรธเกรี้ยวต่อการซ้อมรบประจำปีระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ซึ่งจัดกันอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยบอกว่ามันเป็นการฝึกซ้อมเพื่อการรุกรานโสมแดง
<i>คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โบกมือให้ผู้คนที่เข้าร่วมการสวนสนามครั้งมโหฬารในกรุงเปียงยางเมื่อวันเสาร์ (15 เม.ย.) </i>
<i>ภาพนิ่งซึ่งถ่ายจากวิดีโอของสถานีโทรทัศน์เคอาร์ทีของเกาหลีเหนือ  แสดงให้เห็นขีปนาวุธที่มองเห็นแต่ตัวท่อสำหรับยิง และรถบรรทุกที่ใช้ลำเลียง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าข้างในท่อยิงอาจจะเป็นขีปนาวุธนำวิถีข้ามทวีปซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาของโสมแดง  ทั้งนี้เกาหลีเหนือนำขีปนาวุธนี้ออกมาโชว์ระหว่างการสวนสนามครั้งมโหฬารในกรุงเปียงยางวันเสาร์ (15 เม.ย.) นี้ </i>
ทว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกกับเอพีในวันศุกร์ (14) ว่า คณะบริหารทรัมป์นั้นได้ลงตัวกันแล้วในเรื่องที่จะใช้นโยบายซึ่งเน้นหนักที่การเพิ่มแรงกดดันต่อเปียงยางให้มากขึ้น ด้วยความช่วยเหลือของจีน ที่เป็นพันธมิตรสำคัญรายเดียวที่เกาหลีเหนือมีอยู่ แทนที่จะใช้ทางเลือกทางการทหาร หรือการโค่นล้มระบอบปกครองคิม

เจ้าหน้าที่ทางทหารของสหรัฐฯผู้หนึ่ง ซึ่งขอให้สงวนนามในขณะที่พูดคุยกับผู้ส่อข่าวเกี่ยวกับแผนการที่จะจัดการกับเกาหลีเหนือ ได้บอกว่าสหรัฐฯไม่ได้มีความตั้งใจที่จะใช้กำลังทหารเข้าเล่นงานโสมแดงเพื่อเป็นการตอบโต้ในกรณีที่เกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์หรือยิงขีปนาวุธ

คิม ซึ่งปรากฏตัวที่งานสวมสนามเมื่อวันเสาร์ (15) ในชุดสูทและผูกไท ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้องสนั่นหวันไหวชนิดที่ผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างเข้มข้น ขณะที่เขาก้าวขึ้นสู่เวทีขนาดใหญ่สำหรับเหล่าผู้นำ และคิมก็ปรบมือตอบรับทหารและพลเรือนซึ่งกำลังเข้าร่วมการสวนสนามซึ่งจัดขึ้นที่จัตุรัสคิม อิลซุง ของกรุงเปียงยาง

การสวนสนาม อันเป็นการแสดงออกอย่างละเอียดถี่ถ้วนของอำนาจอันล้นพ้นของรัฐแห่งนี้ มีผู้เข้าร่วมนับหมื่นๆคน ตั้งแต่แถวทหารที่เดินสวมสนามด้วยท่ายกเท้าสูง ไปจนถึงฝูงชนพลเรือนซึ่งใช้เวลาหลายๆ สัปดาห์ฝึกปรือความสามารถของพวกเขาจนสามารถโบกดอกไม้พลาสติกในมือได้อย่างพร้อมเพรียงกัน

ทว่าสำหรับพวกนักวิเคราะห์ทางทหารจากโลกภายนอกแล้ว ไฮไลต์ของการสวนสนามคราวนี้ย่อมอยู่ที่อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเกาหลีเหนือนำออกมาแสดงอวดโอ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขีปนาวุธ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายบอกว่า โสมแดงนำเอาสิ่งที่น่าจะเป็นขีปนาวุธนำวิถีข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ใหม่ๆ ออกมาโชว์ เช่นเดียวกับขีปนาวุธนำวิถีแบบยิงจากเรือดำน้ำ (เอสแอลบีเอ็ม)
<i>ทหารและเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ ซึ่งเข้าร่วมชมการสวนสนามในกรุงเปียงยางเมื่อวันเสาร์ (15 เม.ย.) </i>
รองประธานาธิบดีเพนซ์ของสหรัฐฯ เยือนเกาหลีใต้

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีใต้ กล่าวโจมตีคณะบริหารทรัมป์ว่า กำลังแสดง “อาการฮิสทีเรีย (โรคประสาทแสดงอาการหวาดผวา) ในทางการทหารอย่างร้ายแรง” จนกระทั่งมาถึง “ระยะอันตรายซึ่งไม่สามารถที่จะปล่อยปละได้อีกต่อไป”

ก่อนหน้านี้สหรัฐฯกล่าวเตือนว่า การใช้นโยบาย “ความอดทนอดกลั้นทางยุทธศาสตร์” กับเกาหลีใต้ได้ถึงจุดจบสิ้นลงแล้ว ขณะที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ ก็กำลังเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ในวันอาทิตย์ (16) เป็นการเริ่มต้นทริปเยือนเอเชียรวม 10 วันของเขา

ไม่เหมือนกับการสวนสนามครั้งก่อนๆ จำนวนมากในเกาหลีเหนือ ในคราวนี้ไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนเข้าร่วมด้วย จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญเพียงรายเดียวของโสมแดง ในช่วงหลังๆ มานี้ได้หันมาแถลงแสดงการคัดค้านการที่เปียงยางทดลองอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ รวมทั้งให้การสนับสนุนมาตรการลงโทษคว่ำบาตรของสหประชาชาติด้วย ถึงแม้เมื่อวันศุกร์ (14) จีนได้เรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆ เปิดการเจรจากันพื่อปลดชนวนวิกฤตการณ์คราวนี้

เวลานี้จีนกำลังเพิ่มแรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ โดยประกาศห้ามนำเข้าถ่านหินจากโสมแดงเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรการลงโทษคว่ำบาตรของยูเอ็น ซึ่งเท่ากับเป็นห้ามสินค้าส่งออกสำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือ

แอร์ ไชน่า สายการบินแห่งชาติของจีน ตั้งแต่หลายๆ สัปดาห์มาแล้วได้ยกเลิกบางเที่ยวบินไปยังกรุงเปียงยางสืบเนื่องจากไม่ค่อยมีผู้โดยสาร แต่ยังไม่ได้ระงับเที่ยวบินทั้งหมดไปยังเมืองหลวงเกาหลีเหนือ สายการบินแห่งนี้แถลงในวันศุกร์ (14) อันเป็นการปฏิเสธรายงานข่าวของ ซีซีทีวี สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีนที่กล่าวว่าแอร์ ไชน่า สั่งหยุดเที่ยวบินทั้งหมดของตนที่ไปกลับระหว่างสองประเทศแล้ว

โกลบัลไทมส์ หนังสือพิมพ์ในเครือของเหรินหมินรึเป้า ปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขียนในบทบรรณาธิการว่า เกาหลีเหนือต้องรู้สึกถึงคลื่นช็อกจากมหาลูกระเบิดหนัก 11 ตันที่ได้ชื่อว่า “มารดาแห่งลูกระเบิดทั้งหลาย” ซึ่งสหรัฐฯทิ้งถล่มใส่บังเกอร์ใต้ดินของกลุ่มนักรบที่โยงใยกับพวก “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในอัฟกานิสถานเมื่อวันพฤหัสบดี (13)

“จะเป็นเรื่องดีทีเดียวถ้าการทิ้งระเบิดนี้สามารถทำให้เปียงหยางหวาดกลัว ทว่าผลกระทบอันแท้จริงของมันน่าจะออกมาในทางตรงกันข้าม” โกลบัลไทมส์บอก

กำลังโหลดความคิดเห็น