เอเอฟพี - วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ยอมพบปะกับ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันพุธ (12 เม.ย.) ขณะที่ทั้งสองพยายามเอาชนะความเห็นต่างในประเด็นต่างๆ ที่ฉุดความสัมพันธ์ดำดิ่ง อย่างไรก็ตาม หลังการหารือในมอสโก พวกเขาก็ยังคงมีความเห็นต่างเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย
“แม้ยังมีปัญหาต่างๆ นานา แต่มีแนวโน้มค่อนข้างมากสำหรับการทำงานร่วมกัน” เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเปิดแถลงข่าว หลังการหารือระหว่าง ทิลเลอร์สัน กับ ปูติน “รัสเซียเปิดใจในเรื่องนี้ เปิดใจพูดคุยหารือกับสหรัฐฯในขอบเขตต่างๆ ทั้งหมดที่เห็นต่างกัน ไม่ใช่แค่การพูดคุย แต่ยังรวมถึงปฏิบัติการร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ” ลาฟรอฟระบุ
ทิลเลอร์สัน ที่พบปะกับ ปูติน ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (12 เม.ย) ตัดพ้อเกี่ยวกับความเชื่อใจกันและกันในระดับต่ำระหว่างสองประเทศ ซึ่งความสัมพันธ์ดำดิ่งที่สุดนับตั้งแต่ยุคหลังสงครามเย็น จากวิกฤตในยูเครนและซีเรีย “สองชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์แนวหน้าของโลก ไม่อาจมีความสัมพันธ์กันแบบนี้”
ลาฟรอฟบอกว่า ทั้งสองประเทศเตรียมเป็นผู้นำของการต่อสู้อย่างไม่ประนีประนอมกับก่อการร้ายระหว่างประเทศ และระบุว่ามอสโกพร้อมคืนสู่ข้อตกลงที่ทำกับวอชิงตัน สำหรับหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุไม่พึงประสงค์เหนือน่านฟ้าซีเรีย ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายแยกกันปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย
“วันนี้ท่านประธานาธิบดียืนยันถึงความพร้อมของเราในการหวนคืนสู่การปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจในการสู้รบกับไอเอส และอัล-นุสรา” ลาฟรอฟกล่าว
บันทึกความเข้าในการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุไม่พึงประสงค์เหนือน่านฟ้าซีเรีย ถูกระงับหลังจากสหรัฐฯยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งของซีเรีย ตอบโต้กรณีต้องสงสัยว่ากองทัพซีเรียใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าพลเรือนในจังหวัดอิดลิบ ความเคลื่อนไหวที่ทางรัสเซียตราหน้าว่าเป็นการรุกรานรัฐอธิปไตยรัฐหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ลาฟรอฟกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงเห็นต่างกันเกี่ยวกับการประเมินเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมี ที่ทางวอชิงตันกล่าวโทษไปยังประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย พันธมิตรของรัสเซีย
แม้เดิมทีมอสโกหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทว่าสองชาติมหาอำนาจเข้าสู่สงครามน้ำลายอันดุเดือดจากเหตุก๊าซพิษโจมตีที่เมืองข่าน ชัยคุน และการที่สหรัฐฯยิงขีปนาวุธตอบโต้ใส่ฐานทัพซีเรีย
ในเรื่องนี้ ปูติน ยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติเลวร้ายลงในช่วง 3 เดือนนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง “สามารถพูดได้อย่างหนึ่งว่าระดับความไว้เนื้อเชื่อใจต่อระดับการทำงาน โดยเฉพาะในระดับการทหารไม่ดีขึ้น แถมยังเสื่อมทรามลง” ปูติน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รัสเซียก่อนหน้านี้
ปูตินเพิ่มเดิมพันในตัวของอัสซาดเป็นสองเท่า ด้วยยืนกรานปฏิเสธว่ารัฐบาลอัสซาดไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีด้วยก๊าซพิษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมกับนำเสนอสมมุติฐานใหม่ว่าการโจมตีดังกล่าวอาจเป็นการจัดฉากจากฝ่ายศัตรูของอัสซาด
ทิลเลอร์สันย้ำจุดยืนของสหรัฐฯ ว่าท้ายที่สุดแล้วอัสซาดต้องสละอำนาจ แต่ดูเหมือนใช้ท่าทีที่โอนอ่อนลงกับรัสเซีย “เราพูดคุยถึงมุมมองของเราที่ว่ารัสเซียในฐานะพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดในความขัดแย้งนี้ บางทีอาจเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับช่วยให้อัสซาดตระหนักถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้” เขากล่าว