เอเจนซีส์ – โฆษกทำเนียบขาว ณอน สไปเซอร์ ที่ประสบปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดออกมาแถลงขออภัยอย่างเป็นทางการในคำกล่าวอ้างโยง ฮิตเลอร์ ไม่ได้ใช้อาวุธเคมีในสงครามโลกครั้งที่ 2 เหมือนประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาดใช้ในสงครามซีเรีย สร้างเสียงวิจารณ์ไปทั่ว โดยในแถลงการณ์ที่ออกมาแก้ตัวในวันอังคาร(11 เม.ย) อ้างไม่ได้พยายามจะทำให้อาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวนั้นลดความสำคัญลง เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นถึงความต่างด้านแทคติกในการใช้เท่านั้น
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อการ์ตา รายงานเมื่อวานนี้(11 เม.ย) ว่า ณอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว ที่ในเวลานี้อยู่ในความเสี่ยงที่อาจจะถูกปลดจากตำแหน่ง และล่าสุด ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ออกมาเรียกร้องให้ไล่สไปเซอร์ออก
ทั้งนี้ในช่วงการแถลงสรุประหว่างวันเมื่อวานนี้(11 เม.ย) สไปเซอร์ ที่มักจะเอ่ยชื่อบุคคลสำคัญผิดพลาด หรือการเรียกชื่อตัวย่อต่างๆผิดเสมอ ได้ออกมาพยายามอธิบายต่อนักข่าวทำเนียบขาว โดยอ้างว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นดีกว่าประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล อัสซาด ตรงที่ฮิตเลอร์ไม่ได้ตกต่ำถึงขั้นใช้อาวุธเคมีในสงครามโลกครั้งโลกครั้งที่ 2
สไปเซอร์กล่าวว่า “เราไม่ได้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกคุณรู้ไหม พวกเรามีคนที่เลวร้ายอย่างอิตเลอร์ ที่ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นต้องใช้อาวุธเคมี” และกล่าวต่อว่า “แต่คุณต้องทำ หากคุณเป็นรัสเซีย ลองถามตัวเองดูว่า นี่เป็นประเทศที่คุณ และรัฐบาล ที่คุณต้องการที่จะเห็นตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องให้การสนับสนุนด้วย”
และเมื่อนักข่าวทำเนียบขาวได้ขอให้โฆษกทำเนียบขาวอธิบายถึงคำกล่าวเกี่ยวกับผู้นำนาซีเยอรมัน และอาวุธเคมี โฆษกทำเนียบขาวได้อธิบายว่า “เขา(ผู้นำนาซีเยอรมัน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์)ไม่ได้ใช้อาวุธเคมีกับคนของตัวเองเหมือนอย่างเช่นอัสซาดกำลังทำอยู่ในเวลานี้”
และเสริมต่อว่า “เพียงแต่ฮิตเลอร์นำคนเหล่านั้นเข้าศูนย์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ที่สื่อกาตาร์ชี้ว่า เป็นการหมายถึงห้องรมแก๊สพิษนาซีในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
อัลญะซีเราะฮ์รายงานต่อว่า ณอน สไปเซอร์ ออกมาขออภัยต่อการให้ความเห็นที่เขาระบุว่า “ที่ไม่เหมะสมและเป็นเรื่องที่อ่อนไหว” ต่อการใช้ตัวอย่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวและการกระทำของอัสซาดในการทิ้งระเบิดแก๊สพิษใส่ประชาชนชาวซีเรียในพื้นที่เขตกบฎ สร้างเสียงประณามจากกลุ่มชาวยิว และทั่วโลก
โดยในแถลงการณ์ที่ออกมาในวันอังคาร(11 เม.ย) สไปเซอร์กล่าวว่า “ไม่มีทางที่ผมจะทำให้น้ำหนักการสังหารหมู่ชาวยิวนั้นอ่อนลง” และกล่าวต่อว่า “แต่สิ่งที่ผมทำคือพยายามให้เห็นคือ แทคติดการใช้เครื่องบินรบทิ้งระเบิดเคมีบริเวณที่อยู่อาศัยของประชาชน ซึ่งการโจมตีใดๆที่มีต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ถือเป็นสิ่งที่สมควรประณาม และยังไม่สามารถแก้ตัวใดได้”
ซึ่งหลังจากการออกมาเปรียบเทียบระหว่างฮิตเลอร์กับอัสซาดแล้ว ทำให้นอกจากกลุ่มชาวยิวจะออกมาประณามแล้ว ยังรวมไปถึงนักการเมืองของอเมริกา
เป็นต้นว่า ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ออกมาเรียกร้องให้สั่งปลดสไปเซอร์ออกจากตำแหน่ง
ส่วน สว.สหรัฐฯ เบน คาร์ดิน (Ben Cardin) กล่าวผ่านทวิตเตอร์ ว่า ต้องมีใครสักคนสอนประวัติศาสตร์โฆษก สไปเซอร์ ให้ใหม่อีกครั้ง เกี่ยวกับฮิตเลอร์ และยังแสดงความเห็นผ่าน #ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาพูดอย่างนั้นจริง
ในขณะที่สถาบันศูนย์แอนน์ แฟรงค์(Anne Frank Centre for Mutual Respect)ในนิวยอร์ก ได้ออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เปลี่ยนตัวโฆษกทำเนียบขาวคนใหม่ด่วน
โดยระบุว่า คำกล่าวของ ณอน สไปเซอร์ แสดงให้เห็นว่า “โฆษกทำเนียบขาวผู้นี้ปฎิเสธในเหตุการณ์ที่ ฮิตเลอร์ใช้แก๊สพิษรมชาวยิวหลายล้านเสียชีวิตช่วงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2”
ส่วนเจรมี เบน-อาร์มี(Jeremy Ben-Ami) ประธานกลุ่มเคลื่อนไหวสนับสนุนอิสราเอล “เจ สตรีท” ( J Street) ประกาศว่า “เป็นคำแถลงที่ไม่สามารถอภัยได้”
และลี เซลดิน (Lee Zeldin) สส.เชื้อสายชาวยิวพรรครีพับลิกัน ได้แถลงว่า
“ตราบเท่าที่การให้ความเห็นที่ออกมาในการถูกใช้เพื่อเปรียบเทียบของแทคติกต่างๆวิธีการของที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกับอดีตในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณสามารถที่จะให้ตัวอย่างที่แตกต่างออกไป และจะทำให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่สำคัญคือ ต้องทำให้ชัดเจนว่า ฮิตเลอร์ นั้น ในความจริงแล้ว ใช้อาวุธเคมีเพื่อสังหารผู้บริสุทธิ์” อัลญะซีเราะฮ์รายงาน