รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันปรับขึ้นในวันอังคาร(11เม.ย.) หลังซาอุดีอาระเบียเรียกร้องโอเปกขยายมาตรการลดกำลังผลิตออกไปอีก 6 เดือน ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำพุ่งแรง ท่ามกลางความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 53.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 56.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม
เบื้องต้นตลาดน้ำมันซื้อขายในแดนลบ แต่แกว่งตัวขึ้นสู่แดนบวกในทันที หลังมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียจะเรียกร้องให้สมาชิกโอเปกระหว่างการประชุมในเดือนพฤษภาคม ให้ขยายกรอบเวลาตามข้อตกลงลำกำลังผลิตที่บังคับใช้มาตั้งแต่เดือนมกราคม ออกไปอีก 6 เดือน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันในวันอังคาร(11เม.ย.) อย่างไรก็ตามมันขยับขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากยังมีความกังวลเกี่ยวกับกำลังผลิตน้ำมันชั้นหินของสหรัฐฯที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(11เม.ย.) ปิดลบในกรอบแคบๆ หลังความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์จากวิกฤตซีเรียและเกาหลีเหนือกัดเซาะความเชื่อมั่นของนักลงทุน ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลเผยแพร่รายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ
ดาวโจนส์ ลดลง 6.72 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 20,651.30 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 3.38 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,353.78 จุด แนสแดค ลดลง 14.15 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,866.77 จุด
ความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์แผ่ปกคลุมตลาด จากกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ สั่งยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งของซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อตอบโต้สิ่งที่พวกเขากล่าวหาว่ากองกำลังรัฐบาลซีเรียใช้ก๊าซพิษโจมตีพลเรือน ความเคลื่อนไหวที่ผลักให้สหรัฐฯและรัสเซีย พันธมิตรของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เผชิญหน้ากัน
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อแห่งรัฐเกาหลีเหนือได้ออกคำเตือนโจมตีนิวเคลียร์ใส่สหรัฐฯหากถูกยั่วยุ หลังกองเรือจู่โจมของอเมริกาเข้าประชิดคาบสมุทรเกาหลี ความเคลื่อนไหวที่ทำให้นักลงทุนหวาดวิตกหนักขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์จากวิกฤตซีเรียและเกาหลีเหนือ กระตุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันอังคาร(11เม.ย.) พุ่งแรงถึง 20.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,274.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์