เอเอฟพี - ประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี แห่งอียิปต์ ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน หลังกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ก่อเหตุลอบวางระเบิดโบสถ์คริสต์ 2 แห่ง จนมีผู้เสียชีวิต 44 ราย บาดเจ็บอีกนับร้อยคน เมื่อวันอาทิตย์ (9 เม.ย.) ซึ่งถือเป็นการโจมตีชนกลุ่มน้อยในอียิปต์ครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
เหตุระเบิดที่โบสถ์ในเมืองตันตา (Tanta) และเมืองอเล็กซานเดรีย บนที่ราบลุ่มแม่น้ำไนล์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จะเสด็จฯ เยือนอียิปต์ โดยก่อนหน้านี้โบสถ์คริสต์คอปติกในกรุงไคโรก็เคยถูกโจมตีด้วยระเบิดมาแล้วเมื่อเดือน ธ.ค.
ซีซี ได้อ่านแถลงการณ์ประกาศภาวะฉุกเฉินนาน 3 เดือน ซึ่งเขาจะต้องเสนอให้รัฐสภาพิจารณาภายใน 1 สัปดาห์ พร้อมเตือนว่าอียิปต์จะเปิดสงครามที่ “ยาวนานและเจ็บปวด” กับพวกนักรบญิฮาด
กระทรวงสาธารณสุขอียิปต์ แถลงว่า ระเบิดลูกแรกคร่าชีวิตผู้คนในโบสถ์ มาร์ กีร์กีซ ในเมืองตันตาไปทั้งสิ้น 27 ราย และในขณะที่หน่วยกู้ภัยกำลังรุดเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บนั้น คนร้ายก็ได้กดระเบิดที่โบสถ์เซนต์มาร์กในเมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งโป๊ปทาวาดรอสที่ 3 แห่งคริสตจักรคอปติกกำลังเป็นผู้นำสวดมนต์เนื่องในวันอาทิตย์ใบปาล์ม (Palm Sunday)
เหตุโจมตีครั้งที่ 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 17 คน รวมตำรวจ 4 นาย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยอียิปต์ ยืนยันแล้วว่า เป็นการกระทำของ “มือระเบิดฆ่าตัวตาย” ส่วนโป๊ปทาวาดรอสที่ 3 ทรงไม่ได้รับอันตราย เนื่องจากเสด็จฯ ออกจากโบสถ์ไปก่อน
สถานีโทรทัศน์ CBC Extra เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะที่หน่วยรักษาความปลอดภัยพยายามสกัดคนร้ายไม่ให้เข้าไปในโบสถ์เซนต์มาร์ก จากนั้นคนร้ายก็กดได้ชนวนระเบิดจนไฟลุกท่วม และมีเศษคอนกรีตปลิวกระจายไปทั่ว
ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนบอกตรงกันว่า ตำรวจนายหนึ่งสังเกตเห็นมือระเบิดก่อนที่เขาจะลงมือ
กระทรวงสาธารณสุข ระบุตัวเลขผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 78 คน ที่เมืองตันตา และอีก 40 คน ที่อเล็กซานเดรีย
เจ้าหน้าที่อียิปต์ออกมาประณามเหตุโจมตีดังกล่าว ว่า เป็นความพยายามก่อความแตกแยกในสังคม ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ก็ทรงส่งสาส์นแสดงความเสียพระทัยไปยังโป๊ปทาวาดรอส
ไอเอสได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดทั้ง 2 จุด และขู่ว่าจะมีครั้งอื่นๆ ตามมาอีก
ประธานาธิบดี ซีซี ได้สั่งให้ทหารลงพื้นที่คุ้มกันโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคสำคัญๆ ทันทีหลังเกิดเหตุโจมตีโบสถ์คริสต์ ขณะที่สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอียิปต์ รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งปลดหัวหน้าหน่วยงานด้านความมั่นคงประจำจังหวัดแล้ว
เหตุสังหารหมู่ครั้งนี้เกิดขึ้นใน “วันอาทิตย์ใบปาล์ม” ซึ่งตรงกับวันที่ชาวอิสราเอลถือใบปาล์มออกไปรับเสด็จฯ พระเยซูเข้าสู่นครเยรูซาเลม และจัดว่าเป็นหนึ่งในวันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดตามปฏิทินคริสต์
อียิปต์เคยอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินมานานกว่า 30 ปี ซึ่งทำให้รัฐมีอำนาจกว้างขวางในการจับกุมหรือสอดแนมพลเมือง ก่อนที่จะมีการประกาศยกเลิกไปเมื่อปี 2012
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งจะเสด็จฯ เยือนไคโร ระหว่างวันที่ 28 - 29 เม.ย. ทรงเรียกร้องให้ชาวคริสต์ร่วมกันสวดมนต์ให้แก่เหยื่อผู้เสียชีวิต
“ขอให้เราทั้งหลายจงสวดมนต์ให้แก่เหยื่อในเหตุโจมตีวันนี้... ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงหัวใจของผู้ที่สร้างความหวาดกลัว ความรุนแรง และความตาย ตลอดจนหัวใจของผู้ที่ผลิตและค้าขายอาวุธเพื่อประหัตประหารกัน”
ชาวคริสต์คอปติกซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรอียิปต์กว่า 92 ล้านคน ตกเป็นเป้าโจมตีของพวกมุสลิมหัวรุนแรงหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักรบญิฮาด เชื่อว่า ชาวคริสต์เหล่านี้สนับสนุนการก่อรัฐประหารโค่นอำนาจประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด มอร์ซี เมื่อปี 2013 จนนำมาสู่การกวาดล้างกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ที่ให้การสนับสนุน มอร์ซี
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ทวีตข้อความประณามเหตุโจมตีโบสถ์คริสต์ในอียิปต์ โดยกล่าวว่า “รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ทราบข่าวการก่อการร้ายในอียิปต์ สหรัฐฯ ขอประณามอย่างรุนแรง ผมเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดี อัล-ซีซี จะรับมือกับเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม”
ด้าน สถาบัน อัล-อัซฮาร์ ซึ่งเป็นองค์กรทางศาสนาของมุสลิมสุหนี่ก็ได้ออกมาติเตียนกลุ่มผู้ก่อเหตุว่าจงใจ “บั่นทอนความมั่นคง และความเป็นเอกภาพของชาวอียิปต์”