เอเอฟพี - สื่อทางการจีนในวันนี้ (8) ชื่นชมการพบปะระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนว่าเป็น การแสดงให้โลกเห็นว่า การเผชิญหน้าระหว่างสองมหาอำนาจใช่ว่าจะไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีย์ ของทางการ ระบุว่า มันน่าตื่นใจที่ได้เห็นการประชุมซัมมิตนานสองวันซึ่งจบลงเมื่อวานนี้ (7) “ดำเนินไปด้วยดีอย่างที่มันควรจะเป็น” หลังจาก “สัญญาณที่น่าสับสน” จากวอชิงตันก่อนหน้านี้เกี่ยวกับวิธีการดำเนินความสัมพันธ์สหรัฐฯ - จีน ของพวกเขา
ทรัมป์หาเสียงด้วยคำพูดต่อต้านจีนหลายครั้งและยั่วโทสะจีนก่อนการดำรงตำแหน่งด้วยการต่อสายคุยกับประธานาธิบดีของไต้หวัน เกาะปกครองตนเองที่ปักกิ่งอ้างว่าเป็นของตน
แต่ที่รีสอร์ต มาร์-เอ-ลาร์โก ในรัฐฟลอริดา ทั้งสองฝ่ายเลี่ยงการเสียมารยาททางการทูตใดๆ ก็ตามที่จะทำให้การพบปะนี้เสียบรรยากาศในสายตาของจีนซึ่งถือพิธีทางการทูตเคร่งครัด
ไชน่าเดลีย์ ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนว่าจะ “มีความสนใจเหมือนกันในความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ที่พวกเขาสัญญากันว่าจะบ่มเพาะขึ้น”
“นี่อาจฟังดูเกินจริงสำหรับผู้ที่หมกมุ่นอยู่กับฉากความขัดแย้งที่หาทางออกไม่ได้ระหว่างสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นมหาอำนาจใหม่และมหาอำนาจเดิม” ไชน่าเดลีย์ เขยีนในบทบรรณาธิการ
“แต่การที่ปักกิ่งและวอชิงตันสามารถป้องกันความขัดแย้งไว้ได้จนถึงตอนนี้แสดงให้เห็นว่า การเผชิญหน้าใช่ว่าจะไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
หนังสือพิมพ์ของทางการจีน โกลบอลไทมส์ ระบุว่า การพบปะครั้งนี้ “ทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ว่า ความสัมพันธ์จีน - สหรัฐฯ ยังคงอยู่ในร่องในรอยนับตั้งแต่ที่คณะบริหารของทรัมป์เข้าสู่อำนาจในเดือนมกราคม” และมันมีแนวโน้มที่สองประเทศนี้จะพัฒนา “ความสัมพันธ์ในทางปฏิบัติ” ได้มากกว่านี้
“ดูเหมือนว่าทั้งสองประเทศจะเข้าใจถึงความสำคัญว่าการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นมีความจำเป็นมากแค่ไหน และไม่ใช่แค่เฉพาะสองประเทศนี้เท่านั้นแต่สำหรับทั้งโลกด้วย” โกลบอลไทมส์ ระบุ
ความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์สองฉบับนี้ถูกขานรับจากหนังสือพิมพ์รายวัน พีเพิลเดลีย์ฉบับภาษาอังกฤษของพรรครัฐบาลคอมมิวนิสต์ ที่ระบุว่า การพบปะครั้งนี้สร้างแนวโน้มสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์สหรัฐฯ - จีน
อย่างไรก็ตาม ในบทแสดงความคิดเห็นไม่มีการพูดถึงการที่สหรัฐฯยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศของรัฐบาลซีเรียซึ่งครอบงำการพบปะนี้
หวัง ตง ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขารัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจช่วยส่งเสริมความต้องการของทรัมป์ที่จะส่งข้อความถึงเกาหลีเหนือเรื่องโครงการนิวเคลียร์ แต่จีนไม่น่าจะเป็นกังวล
“มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างสถานการณ์ในซีเรียและสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี” หวัง กล่าว และเตือนว่า เกาหลีเหนือมีความสามารถทางทหารที่จะโจมตีเกาหลีใต้ได้หากสหรัฐฯจะใช้การโจมตีเช่นนั้นกับโสมแดง
“การใช้กำลังใดๆ ก็ตามหรือการโจมตีเกาหลีเหนือก่อนจะแบกรับความเสี่ยงมากมาย ซึ่งอาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับกรณีซีเรีย” หวัง กล่าว
ในระหว่างการพูดคุย ทรัมป์กดดันให้สีพยายามควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือให้มากกว่านี้และผู้นำทั้งสองอนุมัติแผนการ 100 วันสำหรับการเจรจาการค้าที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการส่งออกของสหรัฐฯและลดช่องว่างการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐกับปักกิ่ง