ตร.สวีเดนแถลงจับกุม “ชายอุซเบก” ขับรถบรรทุกขยี้ฝูงชนหน้าห้าง-ตั้งข้อหา “ก่อการร้าย”

เอเจนซีส์ - ตำรวจสวีเดนสามารถจับกุมชายต้องสงสัยชาวอุซเบก หลังเกิดเหตุรถบรรทุกพุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่ด้านนอกห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงสตอกโฮล์ม เมื่อวันศุกร์ (7 เม.ย.) จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 15 คน โดยเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการ “ก่อการร้าย”

ชายคนดังกล่าวถูกจับ “ฐานเป็นผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายด้วยการฆาตกรรม” คาริน โรซานเดอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของสำนักงานอัยการสวีเดน (Swedish Prosecution Authority) ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

ล่าสุด ตำรวจสวีเดนออกมายืนยันวันนี้ (8) ว่า ชายที่ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยก่อการร้ายนั้นน่าจะเป็น “คนขับ” ที่นำรถบรรทุกพุ่งเข้าใส่ประชาชน

“เราเชื่อว่า ชายที่ถูกจับกุม คือ ผู้ลงมือก่อเหตุ” ลาร์ บีสตร็อม โฆษกตำรวจสตอกโฮล์ม ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

ก่อนหน้านี้ ตำรวจเผยว่า สามารถจับกุมบุคคล “ซึ่งมีลักษณะตรงกัน” กับผู้ต้องสงสัยที่สวมแจ๊กเก็ตสีเขียวทหารและฮูดสีเทา ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้ แต่ยังไม่ยืนยันว่าใช่ตีนผีที่ขับรถบรรทุกหรือไม่

สถานีโทรทัศน์ STV รายงานว่า ยังมีผู้ต้องสงสัยคนที่ 2 ที่ถูกจับกุม โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยคนแรก ทว่า ทางตำรวจยังปฏิเสธที่จะยืนยันเรื่องนี้

หนังสือพิมพ์อัฟตอนบลาเด็ต (Aftonbladet) รายงานว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ถูกรวบตัวได้ทางตอนเหนือของกรุงสตอกโฮล์ม โดยเป็นชายวัย 39 ปี เชื้อสายอุซเบกิสถาน และเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)

หากตำรวจยืนยันว่า เหตุการณ์นี้เป็น “การก่อการร้าย” ก็จะถือเป็นการโจมตีครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับสวีเดน

หน่วยงานสาธารณสุข ระบุว่า ผู้บาดเจ็บ 15 ราย มีเด็กรวมอยู่ด้วย และ 9 รายอาการยังสาหัส

นายกรัฐมนตรี สเตฟาน ลอฟเวน ยืนยันว่า ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่คุมเข้มด่านพรมแดนทุกจุด “ผู้ก่อการร้ายต้องการให้เราหวาดกลัว ต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และไม่ต้องการให้เราอยู่กันอย่างสงบสุข แต่นี่คือสิ่งที่เราจะทำต่อไป เพราะฉะนั้น ผู้ก่อการร้ายไม่มีทางเอาชนะสวีเดนได้... ไม่มีทาง” เขากล่าว

เหตุระทึกครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อรถบรรทุกเบียร์คันหนึ่งถูกขโมยและขับพุ่งเข้าใส่หัวมุมด้านหนึ่งของห้างสรรพสินค้าอาห์เลนส์ (Ahlens) ตัดกับถนนดรอทท์นิงกาทัน ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่พลุกพล่านที่สุดของเมือง และอยู่ด้านบนของสถานีรถไฟใต้ดินกลางของสตอกโฮล์ม

“รถบรรทุกคันใหญ่ขับตรงเข้ามาแล้วก็ชนทุกอย่าง บดขยี้ทุกอย่างที่ขวางหน้า” ริการ์ด กอฟฟิน หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

เกล็น โฟราน พยานอีกคนหนึ่ง บอกกับรอยเตอร์ว่า “รถคันนั้นขับปาดไปปาดมา ไม่เหมือนรถที่เสียการควบคุม แต่เป็นการจงใจขับให้ชนคน”

“มันพุ่งเข้าหาคนบนทางเท้า แล้วก็ทับรถเข็นที่มีเด็กอยู่ข้างใน”

รถบรรทุกคันดังกล่าวถูกลากออกไปจากที่เกิดเหตุเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (8)

ดาเกนส์ นีเฮเทอร์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ที่สุดของสวีเดน ลงบทบรรณาธิการว่า “แล้วสิ่งที่พวกเรากลัวกันมานานก็เกิดขึ้น”

“ความหวาดกลัวและตื่นตระหนกหลังเกิดเหตุการณ์เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง ภาพที่ออกมาช่างน่าสยดสยอง... แต่ชาวสตอกโฮล์มก็ยังคงมีสติ แม้ว่าผู้ก่อการร้ายจะโจมตีสวีเดนและหัวใจของสตอกโฮล์มก็ตาม”

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ก่อการร้ายได้ใช้ยานพาหนะเป็นเครื่องมือสังหารหมู่ประชาชนหลายต่อหลายครั้งในยุโรป โดยการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นที่ฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ปีที่แล้ว เมื่อชายคนหนึ่งขับรถบรรทุกพุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังรวมตัวฉลองวันชาติฝรั่งเศสในเมืองนีซ คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์รวม 86 ศพ ก่อนที่คนร้ายจะถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม และต่อมากลุ่มไอเอสก็ออกมาอ้างความรับผิดชอบ

เมื่อเดือนที่แล้ว คอลิด มาซูด วัย 52 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่เปลี่ยนมานับถืออิสลาม ได้ขับรถด้วยความเร็วสูงพุ่งชนผู้คนที่สัญจรไปมาบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอน ก่อนใช้มีดเล่นงานตำรวจนายหนึ่งที่รักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภาจนเสียชีวิต โดยเหตุการณ์นี้คร่าชีวิตคนไปทั้งหมด 5 ศพ

เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ชายคนหนึ่งได้ขโมยบรรทุกและขับพุ่งชนตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลิน จนมีคนตายไป 12 คน

กลุ่มติดอาวุธไอเอสเคยประกาศเชิญชวนเมื่อปี 2014 ให้เหล่าสาวกโจมตีพลเมืองของชาติตะวันตก และยังสอนเทคนิคการฆ่าคนจำนวนมากโดยไม่ต้องใช้อาวุธหนัก โดยอาจจะมีเพียงแค่ก้อนหิน มีด หรือขับรถพุ่งชนก็ได้