เอเอฟพี - ตำรวจสวีเดนปฏิบัติการตามล่าตีนผีคนขับรถบรรทุกมรณะพุ่งใส่ฝูงชนด้านนอกห้างสรรพสินค้าที่พลุกพล่านแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงสตอกโฮล์มในวันศุกร์ (7 เม.ย.) คร่าชีวิตไป 4 ศพ และบาดเจ็บ 15 คน ขณะที่เบื้องต้นได้จับกุมผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้แล้ว 1 คน
สเตฟาน เฮคเตอร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตำรวจกำลังทำงานในข้อสมมติฐานว่า เหตุการณ์นี้คือการโจมตีก่อการร้าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนเผยว่าพวกเขาจับกุมผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งบริเวณชานกรุงทางเหนือของสตอกโฮล์ม หลังก่อนหน้านี้ เผยแพร่ภาพชายสวมเสื้อคลุมมีหมวกสีเทา ซึ่งต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีครั้งนี้ อย่างไรตาม ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบุคคลที่ถูกรวบตัวเป็นคนเดียวกับผู้ที่อยู่ในภาพหรือไม่ ขณะที่คนขับยังคงหลบหนีอยู่
นายกรัฐมนตรี สเตฟาน ลอฟเวน ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสวีเดน รุดเดินทางกลับมาเมืองหลวงในทันที พร้อมกับสั่งเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมชายแดนของประเทศ
“พวกก่อการร้ายต้องการให้เรากลัว ต้องการให้เราเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ต้องการให้เราใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่นั่นคือสิ่งที่เราจะทำ ด้วยเหตุนี้พวกก่อการร้ายจึงไม่มีทางเอาชนะสวีเดน ไม่มีทาง” เขากล่าว
ภาพถ่ายจากจุดเกิดเหตุพบเห็นรถบรรทุกสีน้ำเงินขนาดใหญ่พุ่งชนเข้ากับห้างสรรพสินค้า อาห์เลนส์ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเปิดเผยกับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่า “รถบรรทุกมาจากไหนไม่รู้ ผมไม่เห็นว่ามันมีคนขับหรือไม่ แต่มันสูญเสียการควบคุม ผมเห็นอย่างน้อยๆ 2 คนหกล้ม ส่วนผมพยายามวิ่งหนีออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนเวลาประมาณ 13.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 20.00 น.) บริเวณหัวมุมของห้างสรรพสินค้าอาห์เลนส์ ตัดกับถนนดรอทท์นิงกาทัน ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่พลุกพล่านที่สุดของเมือง และอยู่ด้านบนของสถานีรถไฟใต้ดินกลางของสตอกโฮล์ม
พื้นที่ย่านใจกลางกรุงสตอกโฮล์มถูกปิดกั้น และผู้คนถูกอพยพออกจากสถานที่ต่างๆ ในนั้นรวมถึงสถานีรถไฟหลัก ห้างร้านทั้งหลาย โรงภาพยนตร์ และหน่วยงานราชการ ขณะที่การเดินรถไฟใต้ดินต้องระงับให้บริเวณนานหลายชั่วโมงตามตำสั่งของตำรวจ ก่อนกลับมาแล่นให้บริการได้ในช่วงเย็น
ทั้งนี้ รถตำรวจกระจายกำลังไปทั่วเมือง เพื่อประกาศผ่านลำโพง เรียกร้องให้ประชาชนมุ่งตรงกลับบ้านและหลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชน
ด้วยพื้นที่รอบๆ จุดเกิดเหตุถูกปิดกั้น ทำให้ถนนสายอื่นๆ ภายในเมืองต้องประสบกับปัญหาติดขัดและแออัด เนื่องจากคนเดินถนนจำนวนมากพยายามหาทางอื่นกลับบ้าน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตามหลังเหตุคนร้ายใช้ยานยนต์โจมตีฝูงชนหลายต่อหลายครั้งในยุโรป
การโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นที่ฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ปีที่แล้ว โดยชายคนหนึ่งขับรถบรรทุกพุ่งชนผู้คนที่กำลังร่วมฉลองวันชาติฝรั่งเศส ในเมืองนีซ คร่าชีวิต 86 ศพ ทั้งนี้ เขาถูกตำรวจวิสามัญและต่อมาทางพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ก็ออกมาอ้างความรับผิดชอบ
เมื่อเดือนที่แล้ว คาลิด มาซูด วัย 52 ปี ขับรถด้วยความเร็วสูงพุ่งชนผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ของลอนดอน ก่อนใช้มีดเล่นงานตำรวจนายหนึ่งที่ประจำการรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภา โดยเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ส่วน มาซูด ถูกตำรวจวิสามัญ
ย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม ชายคนหนึ่งปล้นรถบรรทุกและขับพุ่งชนผู้คนในตลาดคริสต์มาสจของเบอร์ลิน เยอรมนี คร่าชีวิต 12 ศพ เหตุการณ์ที่ไอเอสอ้างความรับผิดชอบเช่นกัน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะถูกตำรวจยิงตายในเมืองมิลานของอิตาลี ในอีก 4 วันต่อมา
ในปี 2014 อาบู โมฮัมเมด อัล-อัดนานี โฆษกของไอเอส เรียกร้องพวกสมุนโจมตีพลเมืองของชาติตะวันตก และแนะนำถึงวิธีการลงมือโจมตีโดยไม่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือทางทหาร ในนั้นรวมถึงการใช้หิน มีด หรือขับรถพุ่งชนผู้คน