บีบีซีนิวส์/เอเจนซีส์ – พรรครีพับลิกันเพิ่มความแตกแยกแบ่งขั้วในวงการเมืองอเมริกัน ด้วยการเดินหน้าเปลี่ยนแปลงกฎข้อบังคับของวุฒิสภาสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี (6 เม.ย.) เพื่อผลักดันการอนุมัติรับรองบุคคลที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อให้เป็นตุลาการศาลสูงสุด
ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกของรีพับลิกัน อาศัยเสียงที่มีอยู่เกินครึ่งสภาของพวกตน ลงมติให้แก้กฎข้อบังคับเพื่อให้ปิดการอภิปรายและเข้าสู่ขั้นตอนลงคะแนนตัดสิน อันเป็นการกระทำที่แวดวงการเมืองอเมริกันเรียกกันว่า “ทางเลือกระเบิดนิวเคลียร์” (nuclear option) หลังจากที่สมาชิกสภาสูงของฝ่ายเดโมแครต ใช้ยุทธวิธีทางการเมือง “ฟิลิบัสเตอร์” (filibuster) ซึ่งก็คือการส่งสมาชิกขึ้นพูดอภิปรายอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด เพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการลงคะแนนที่ฝ่ายตนมีหวังต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
การใช้วิธี “ฟิลิบัสเตอร์” ของเดโมแครตเพื่อสกัดไม่ให้มีการรับรองผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลสูงสุดคราวนี้ ถือเป็นครั้งแรกของพรรคนี้ในรอบระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา และหลังจากรีพับลิกันผลักดันให้ลงมติปิดอภิปรายแล้วเช่นนี้ ก็มีการนัดหมายให้ลงมติกันว่าจะรับรอง นีล กอร์ซัช ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์จากเดนเวอร์ ให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดหรือไม่กันในวันศุกร์ (7) ซึ่งจากการที่รีพับลิกันมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาสูงอยู่แล้ว เขาจึงจะได้รับการรับรองค่อนข้างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ดังเห็นได้จากชื่อเรียกที่ว่า เป็นเสมือน “ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเมือง” เนื่องจากจะทำให้รัฐสภาสหรัฐฯตกอยู่ในความแตกแยกแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายหนักข้อขึ้นอีก จนกระทั่ง จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งของรีพับลิกันออกปากว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่า “เวลาเวลาอันเลวร้ายสำหรับประชาธิปไตย”
ในคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯเวลานี้ มีผู้พิพากษาที่โน้มเอียงไปในทางอุดมการณ์ความคิดแบบอนุรักษนิยมอยู่ 4 คน และที่เอนเอียงไปในทางเสรีนิยม 4 คนเท่ากัน ดังนั้นผู้พิพากษาคนที่ 9 ซึ่งจะเข้ามาแทนที่ผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนเดิมที่เสียชีวิตไปในปีที่แล้ว จึงกลายเป็นเสียงชี้ขาดว่าความโน้มเอียงทางความคิดอุดมการณ์แนวทางใดที่จะมีอำนาจควบคุมศาลสูงสุด โดยที่สถาบันแห่งนี้มีอำนาจบทบาทในการชี้ขาดประเด็นปัญหาทางกฎหมายบางประเด็นที่กำลังเกิดการโต้แย้งถกเถียงกันมากในสหรัฐฯ ตั้งแต่เรื่องการควบคุมอาวุธปืน, สิทธิการทำแท้ง, การใช้จ่ายเงินเพื่อสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้ง, ตลอดจนสิทธิของผู้ที่รักเพศเดียวกัน
ตามกฎข้อบังคับเดิมของวุฒิสภา การที่จะทำลายยุทธวิธีฟิลิบัสเตอร์ได้นั้น ต้องมีเสียง 60 เสียงจากวุฒิสมาชิกทั้งหมด 100 คนในสภาสูง จึงจะสามารถปิดการอภิปรายและผ่านไปสู่ขั้นตอนการลงคะแนนได้ แต่จากสถานการณ์ในวันพฤหัสบดี (6) ซึ่งปรากฏว่ายังขาดอยู่ 5 เสียง มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำของรีพับลิกันในวุฒิสภา ได้ตัดสินใจตอบโต้ด้วยการเสนอโหวตขอแก้ข้อบังคับการประชุม เพื่อให้มีเสียงแค่เกินครึ่งหนึ่งก็สามารถปิดการอภิปรายและลงมติได้ ซึ่งปรากฏว่าได้รับการอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 52 ต่อ 48
การใช้ระเบิดนิวเคลียร์ทางการเมืองเช่นนี้หมายความว่า ผู้ที่ได้รับเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดต่อไปในอนาคตทุกๆ คน ก็สามารถผ่านการอนุมัติรับรองจากสภาสูงเพียงด้วยเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งก็พอแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกนักการเมืองของทั้งสองพรรคต่างเห็นพ้องยอมรับกันว่า จะเป็นการกัดกร่อนทำลายสิทธิของพรรคเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา
วุฒิสมาชิก เจฟฟ์ เมอร์กลีย์ ตัวแทนจากรัฐออริกอน สังกัดพรรคเดโมแครต ทวิตข้อความว่า “การกระทำอันมืดดำเกิดขึ้นแล้ว แมคคอนเนลล์เพิ่งเอามีดแทงเข้าไปในหัวใจของสาธารณรัฐประชาชนของพวกเรา”
กระทั่งสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันหลายคนก็แสดงความเศร้าใจ
“ผมกลัวว่าสักวันหนึ่งเราจะเสียใจต่อสิ่งที่เรากำลังจะทำกัน ความจริงแล้ว ผมมั่นใจว่าเราจะต้องเสียใจแน่” แมคเคน ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐแอริโซนา กล่าว ขณะเขาเดินเข้าสู่ห้องประชุมวุฒิสภาในเช้าวันพฤหัสบดี (6)
“มันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีวุฒิสภาซึ่งสามารถทำหน้าที่ได้ โดยต้องเป็นวุฒิสภาที่มีการพิทักษ์คุ้มครองสิทธิของฝ่ายเสียงข้างน้อย ไม่ว่าพรรคใดกำลังอยู่ในอำนาจในขณะนั้นก็ตามที”
ทางเดโมแครตกล่าวว่าพวกเขาคัดค้าน กอร์ซัส ซึ่งปัจจุบันอายุ 49 ปี เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่ากอร์ซัสแสดงความเอนเอียงเห็นชอบกับพวกบริษัทใหญ่ๆ มากกว่าพวกพนักงานลูกจ้าง
ทว่าก็เป็นที่ทราบกันดีว่า เดโมแครตยังมีความโกรธแค้นจากการที่ฝ่ายรีพับลิกันปฏิเสธเมื่อปีที่แล้ว ไม่ยินยอมแม้กระทั่งเริ่มกระบวนการพิจารณาตัวบุคคลที่บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯในเวลานั้น เสนอแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่
ตรงกันข้าม แมคคอนเนลล์กลับพยายามทำให้ตำแหน่งนี้ซึ่งว่างลงเนื่องจากการเสียชีวิตของผู้พิพากษา แอนโตนิน สคาเลีย ยังคงไม่มีผู้เข้าแทนที่ ด้วยความคาดหวังว่าจะสามารถผลักดันตัวบุคคลที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมขึ้นครองเก้าอี้ตัวนี้ได้ ภายหลังการเลือกตั้งในปลายปี 2016
ฝ่ายเดโมแครตเองได้เคยใช้ “ทางเลือกระเบิดนิวเคลียร์” มาแล้วเช่นกันในปี 2013 เมื่อพวกเขาตอบโต้ยุทธวิธีฟิลิบัสเตอร์ของรีพับลิกัน ที่มุ่งสกัดการแต่งตั้งตัวบุคคลขึ้นนั่งตำแหน่งฝ่ายบริหารและที่จะเป็นผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯในระดับล่างๆ ลงมา
อย่างไรก็ดี พวกเขายังคงปล่อยให้ใช้ฟิลิบัสเตอร์ได้ ในกรณีที่เป็นการสกัดการแต่งตั้งเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุด