รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมากล่าวหารัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของ บาชาร์ อัล-อัสซาด ว่า กำลัง “ข้ามเส้นแดง” ด้วยการใช้ก๊าซพิษโจมตีประชาชน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ทัศนคติที่ตนมีต่อซีเรีย “เปลี่ยนไป” แต่ก็ยังไม่ระบุชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้อย่างไร
ทรัมป์ ชี้ว่า เหตุโจมตีซึ่งคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์และเด็กๆ ไปอย่างน้อย 70 คน เป็นการกระทำที่ “ข้ามเส้นหลายเส้น” ซึ่งคล้ายกับคำพูดของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่เคยขู่จะใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโค่น อัสซาด หากเขานำอาวุธเคมีออกมาใช้
การกล่าวหาตรงๆ เช่นนี้อาจทำให้ ทรัมป์ ต้องขัดแย้งกับรัสเซียซึ่งเป็น “พี่ใหญ่” ที่ออกโรงปกป้อง อัสซาด มาโดยตลอด
“ผมจะบอกให้นะ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ผมรับไม่ได้” ทรัมป์ ระบุในงานแถลงข่าวร่วมกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์แห่งจอร์แดน เมื่อวานนี้ (5)
“และผมจะบอกให้ว่า ทัศนคติที่ผมมีต่อซีเรียและ อัสซาด เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว”
ก่อนหน้านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถาม ทรัมป์ ว่าเขาจะทบทวนนโยบายต่อซีเรียหรือไม่ ผู้นำสหรัฐฯ กลับตอบแค่ว่า “เดี๋ยวรอดูกัน”
ผู้สื่อข่าวฟ็อกซ์นิวส์ได้ไปสอบถามรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่สหรัฐฯ จะเรียกร้องให้ อัสซาด สละเก้าอี้ และประกาศจัดตั้งเขตปลอดภัยขึ้นในซีเรีย ซึ่ง เพนซ์ ตอบว่า “ผมขอพูดชัดเจนตรงนี้ว่าสหรัฐฯ พร้อมพิจารณาทุกทางเลือก” แต่ก็ไม่ให้รายละเอียดใดๆ อีก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธคำอธิบายของรัสเซียที่กล่าวโทษว่าก๊าซพิษเป็นของฝ่ายกบฏ
คำพูดล่าสุดของ ทรัมป์ ซึ่งมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่วอชิงตันประกาศว่าเป้าหมายหลักของสหรัฐฯ ไม่ใช่การขับไล่ อัสซาด อีกต่อไป นับเป็นสัญญาณความไม่ลงรอยที่เริ่มปรากฏขึ้นระหว่างรัฐบาลเครมลินกับทำเนียบขาว หลังจากที่มีแนวโน้มว่าจะไปกันได้ดีในช่วงแรกๆ
ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงถึงรัสเซียในขณะที่กล่าวหา อัสซาด เมื่อวานนี้ (5) แต่รัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ได้ออกมาพูดว่า ถึงเวลาแล้วที่รัสเซียจะต้องคิดทบทวนให้ดีว่าควรหนุนหลัง อัสซาด ต่อไปหรือไม่
ด้าน เพนซ์ ก็เอ่ยในทำนองเดียวกันว่า ถึงเวลาที่มอสโก “ต้องรักษาสัญญาที่ว่าจะควบคุมการทำลายคลังอาวุธเคมี เพื่อไม่ให้พลเมืองซีเรียต้องตกเป็นเหยื่ออีก”
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ อ้างผลการประเมินเบื้องต้นซึ่งพบว่า เหยื่อชาวซีเรียน่าจะเสียชีวิตเพราะ “ก๊าซพิษซาริน” ซึ่งถูกทิ้งจากเฮลิคอปเตอร์ลงมายังเมืองข่านชัยคุน (Khan Sheikun) เมื่อวันอังคาร (4) ทว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศกลับระบุว่า วอชิงตัน “ยังไม่แน่ใจ” ว่าจะใช่ก๊าซซารินหรือไม่
มอสโกพยายามให้คำอธิบายที่เป็นการปกป้อง อัสซาด ว่า ก๊าซพิษดังกล่าวรั่วไหลออกมาจากคลังอาวุธของพวกกบฏซึ่งถูกเครื่องบินขับไล่ซีเรียทิ้งระเบิด แต่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งชี้ว่า “ฟังไม่ขึ้น”
สหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้เสนอร่างมติประณามซีเรียไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกมาตอบโต้ว่า “รับไม่ได้” และอ้างว่าทั้ง 3 ชาติกำลังกล่าวโทษซีเรียบนพื้นฐาน “ข้อมูลปลอม”
สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์รายงานคำพูดของ ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ซึ่งออกมาย้ำจุดยืนของรัสเซียที่ว่ากบฏซีเรียเป็นต้นเหตุของการสังหารหมู่ครั้งนี้ ขณะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เกนนาดี กาติลอฟ ประกาศว่ามอสโกพร้อมจะใช้สิทธิ์ “วีโต” ร่างมติของตะวันตกทันที โดยจะไม่ปรึกษาหารือเพิ่มเติม
ด้านสำนักข่าวทาสส์อ้างโฆษกทูตรัสเซียประจำยูเอ็น ซึ่งระบุเมื่อวานนี้ (5) ว่า รัสเซียก็ได้นำร่างมติของตนเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นแล้วเช่นกัน
นิกกี ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ประกาศว่า รัฐบาลอเมริกันอาจตัดสินใจกระทำการฝ่ายเดียว หากคณะมนตรีความมั่นคงยังมีความเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องซีเรีย
“เมื่อองค์การสหประชาชาติล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่เรื่อยมา อาจถึงเวลาที่แต่ละประเทศจะต้องตัดสินใจลงมือด้วยตัวเอง” ฮาร์ลีย์ แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นโดยไม่ลงรายละเอียด