รอยเตอร์/มาร์เก็ตวอตช์ - ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ (5 เม.ย.) ปัญหาด้านการผลิตในทะเลเหนือกลบข้อมูลสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำปิดลบ หลังเฟดเผยแพร่รายงานการประชุม
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ 51.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ ปิดที่ 54.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันขยับลงช่วงสั้นๆ ในวันพุธ (5 เม.ย.) หลังรัฐบาลสหรัฐฯเปิดเผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะลดลง 435,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันได้แรงพยุงจากปัญหาที่แท่นขุดเจาะน้ำมันบุซซาร์ดในทะเลเหนือของอังกฤษซึ่งมีกำลังผลิต 180,000 บาร์เรลต่อวัน ที่ต้องระงับปฏิบัติการชั่วคราว เพื่อดำเนินการซ่อมแซม ท่ามกลางความคาดหมายว่าน่าจะใช้เวลา 1 หรือ 2 วัน ซึ่งก่อความกังวลทางอุปทาน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ (5 เม.ย.) แกว่งตัวปิดแดนลบในช่วงบ่ายของการซื้อขาย หลังธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบายลงทุนพันธบัตรในปีนี้
ดาวโจนส์ ลดลง 41.09 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 20,648.15 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 7.21 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,352.95 จุด แนสแดค ลดลง 34.13 จุด (0.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,864.48 จุด
รายงานการประชุมเฟด minutes เผยให้เห็นว่า พวกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ คิดว่า ทางธนาคารควรเริ่มถอยห่าง หรือชะลอนโยบายเข้าซื้อพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (Mortgage Backed Securities) ในปีนี้ ในขณะที่เศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มมั่นคงขึ้น
ส่วนราคาทองคำปรับลดในวันพุธ (5 เม.ย.) หลังข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่แข็งแกร่งเกินคาดหมาย ผลักให้นักลงทุนผละหนีสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 9.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,248.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์