xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงไหม้ตึกระฟ้ากำลังก่อสร้างใน ‘ดูไบ’ ใกล้ๆ อาคารสูงที่สุดในโลก วิตกเกิดอัคคีภัยบ่อย เพราะนิยมใช้วัสดุไวไฟหุ้มตึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<I>เจ้าหน้าที่ของกรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนดูไบไปถึงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ณ สถานที่ก่อสร้างอาคารคอมเพล็กซ์ระฟ้า ใกล้ๆ กับ ดูไบ มอลล์ ศูนย์ช็อปปิ้งใหญ่ที่สุดในดูไบ และ เบิร์จ คอลิฟา อาคารสูงที่สุดในโลก เมื่อเช้าวันอังคาร (2 เม.ย.) </I>
เอพี/เอเอฟพี - เกิดไฟไหม้ใหญ่เมื่อช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ (2 เม.ย.) ในตึกคอมเพล็กซ์ตระหง่านระฟ้าที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และตั้งเคียงข้างกับชอปปิ้งมอลล์ใหญ่ที่สุดของเมืองดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ควันดำโขมงหนาทึบจากอัคคีภัยหลายชั่วโมง คราวนี้ยังแผ่ปกคลุม “เบิร์จ คอลิฟา” อาคารสูงที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน ในมหานครกลางทะเลทราย ซึ่งเหตุเพลิงปะทุบนตึกสูงยังคงเป็นปัญหาที่คอยสร้างความวิตกกังวลแห่งนี้

อัคคีภัยคราวนี้ปะทุขึ้นในจุดที่อยู่ห่างเพียงแค่ช่วงตึกเดียวจาก “ดิ แอดเดรสส์ ดาวทาวน์ ดูไบ” อาคารระฟ้าความสูง 63 ชั้น ซึ่งเกิดไฟไหม้รุนแรงและถูกเผยแพร่ภาพอันน่าหวั่นผวาไปทั่วโลกในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม 2015

สำหรับไฟไหม้วันอาทิตย์ (2) ที่อาคารคอมเพล็กซ์ “ดิ แอดเดรสส์ เรซิเดนเซส ฟาวน์เทน วิวส์” คราวนี้ ปะทุขึ้นเมื่อเวลาราว 05.30 น. ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพียงครู่เดียว พล.ต.ราชิด ตอนี อัล-มาตรูชี อธิบดีกรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของดูไบแถลง พร้อมกับบอกว่าเหตุคราวนี้น่าจะเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในชั้นจอดรถของอาคารคอมเพล็กซ์ ที่ประกอบด้วย ตึกพักอาศัยรวม 3 หลัง แต่ละหลังมีความสูง 60 ชั้นแห่งนี้ ทว่า ในเฉพาะหน้านี้เขายังไม่ได้ระบุสาเหตุของอัคคีภัย

กรมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนดูไบยังได้เผยแพร่ภาพๆ หนึ่งทางออนไลน์ แสดงให้เห็นคนงาน 3 คน ซึ่งทางกรมบอกว่าได้ช่วยเหลือนำตัวออกมาจากอาคารที่เพลิงไหม้ จากนั้นก็นำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการ

ขณะที่ พ.ท.อาเหม็ด อาตีฟ เจ้าหน้าที่อาวุโสของกรม บอกกับสถานีโทรทัศน์ดูไบว่า ทางกรมได้อพยพคนที่ติดอยู่ในกองเพลิงออกมาได้ 4 คน หนึ่งในจำนวนนี้มีอาการสาหัส
<I>ควันดำโขมงลอยจากสถานที่ก่อสร้างอาคารคอมเพล็กซ์ระฟ้า ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ ดูไบ มอลล์ ศูนย์ช็อปปิ้งใหญ่ที่สุดในนครดูไบ และ เบิร์จ คอลิฟา อาคารสูงที่สุดในโลก เมื่อวันอังคาร (2 เม.ย.) </I>
ทางด้าน แอนเธีย อายาเช ผู้เห็นเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้เล่าว่า พวกพนักงานดับเพลิงทำงานได้อย่างรวดเร็ว และคนงานก่อสร้างจำนวนมากเฝ้าดูอัคคีภัยจากสถานที่ใกล้เคียงซึ่งปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ

“มีรถดับเพลิงมากันมากเลย พวกเขาขึ้นไปถึงยอดตึกได้อย่างรวดเร็วมากๆ” เธอเล่า

จนกระทั่งถึงตอนสายวันอาทิตย์ (2) ยังคงเห็นเปลวไฟแพลมออกมาจากบริเวณชั้นลอยด้านล่าง (โพเดียม) อาคาร ขณะที่พวกพนักงานดับเพลิงซึ่งอยู่บนบันไดผจญเพลิงฉีดน้ำเข้าไปข้างใน ทุกๆ สองสามนาทีสามารถได้ยินเสียงระเบิดที่ไม่ถึงกับดังมาก โดยคาดว่าเป็นเสียงดังจากแรงระเบิดของถังแก๊สโพรโพน หรือถังแก๊สเชื่อมโลหะที่พวกคนงานก่อสร้างตั้งวางไว้ มีอยู่ระยะหนึ่ง พวกเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนได้ส่งโดรน (อากาศยานไร้นักบิน) ขึ้นไปตรวจดูพระเพลิง

อาคารคอมเพล็กซ์ระฟ้า ฟาวน์เทน วิวส์ แห่งนี้ ซึ่งกำลังก่อสร้างโดย อีมาร์ พร็อบเพอร์ตีส์ กิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในดูไบที่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐ ตามโครงการแล้วจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนปีหน้า โดยที่จะมีการต่อเชื่อมกับศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่ ดูไบ มอลล์ ที่อยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้าม ทั้งนี้ วางแผนกันเอาไว้ว่าเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ อาคารคอมเพล็กซ์แห่งนี้จะมีห้องชุดอพาร์ตเมนต์รวม 788 ชุด และโรงแรม 1 แห่ง

อีมาร์ ซึ่งเป็นผู้ที่ก่อสร้างทั้ง ดูไบ มอลล์ และอาคารดิ แอดเดรสส์ ดาวทาวน์ ดูไบ ที่ถูกไฟไหม้ในวันสิ้นปี 2015 ออกคำแถลงกล่าวว่า “กำลังรอรายงานสุดท้าย” ของทางเจ้าหน้าที่สอบสวนอยู่ แต่ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่หุ้นของอีมาร์ ซึ่งซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ดูไบที่เปิดทำการในวันอาทิตย์ (2) ด้วย มีราคาหล่นลงมา 1.1% ในตอนปิดตลาด

ตึกระฟ้าในดูไบ และในเมืองใหญ่ที่กำลังเติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็วแห่งอื่นๆ ในยูเออี ได้เกิดอัคคีภัยอันชวนหวาดหวั่นมาหลายครั้งแล้วในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารและด้านความปลอดภัย ต่างชี้ว่า ความนิยมออกแบบตึกสูงโดยใช้วัสดุหุ้มตัวอาคารที่สามารถติดไฟง่าย คือ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของเรื่องนี้ ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบกล่าวว่าพวกเขาได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบป้องกันเพลิงไหม้ภายในสหพันธรัฐของเจ้าครองแคว้นอาหรับแห่งนี้แล้วเพื่อรับมือกับภัยอันตรายดังกล่าว ทว่ายังแทบไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดให้เป็นที่รับทราบกัน
<I>ควันดำโขมงลอยจากสถานที่ก่อสร้างอาคารคอมเพล็กซ์ระฟ้า ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ ดูไบ มอลล์ ศูนย์ช็อปปิ้งใหญ่ที่สุดในนครดูไบ และ เบิร์จ คอลิฟา อาคารสูงที่สุดในโลก เมื่อวันอังคาร (2 เม.ย.) </I>

กำลังโหลดความคิดเห็น