บลูมเบิร์ก - ศาลเกาหลีใต้อนุมัติหมายจับอดีตประธานาธิบดี พัค กึน ฮเย ในวันพฤหัสบดี (30 มี.ค.) หลังอัยการขอควบคุมตัวเธอฐานต้องสงสัยต้องสงสัยรับสินบนและใช้อำนาจโดยมิชอบ
ผู้พิพากษาศาลแขวงกลางเขตกรุงโซล อนุมัติหมายจับตามหลังการพิจารณาในวันพฤหัสบดี (30 มี.ค.) โดยศาลให้เห็นผลของการอนุมัติหมายจับครั้งนี้ เพราะกังวลว่าพัค อาจทำลายหลักฐาน
ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีหญิง จะถูกส่งตัวไปยังศูนย์กักกันกรุงโซล สถานที่ที่ เจ วาย ลี ประธานซัมซุง กรุ๊ป และ ชอย ซุน-ซุล เพื่อนหญิงคนสนิทของพัค ถูกควบคุมตัวอยู่ก่อนหน้าแล้ว
ศาลระบุในข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษร ว่า มีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องอนุมัติหมายจับพัค จากความกังวลต่อการทำลายหลักฐาน
คำสั่งควบคุมตัวพัค คือ เป็นเหตุการณ์สำคัญล่าสุดในเรื่องอื้อฉาวคอรัปชันที่เกาะกุมเกาหลีใต้มานานหลายเดือน จนนำมาซึ่งการถอดถอนเธอพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีและก่อคำถามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในชาติเศรษฐกิจหมายเลข 4 ของเอเชียแห่งนี้ แม้ว่า พัค ยืนกรานว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด
อัยการจะมีเวลาสูงสุด 19 วัน ในการพิจารณาว่าจะยื่นฟ้องอดีตผู้นำหรือไม่ ขณะที่เธอต้องสงสัยกรณีกดดันให้พวกผู้บริหารบริษัทชั้นนำบริจาคเงินหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯเข้ามูลนิธิไม่แสวงผลกำไรต่างๆ ที่บริหารงานโดย ชอย ซุน-ซุล แลกกับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
คณะอัยการได้ยื่นขอออกหมายจับเมื่อวันจันทร์ (27 มี.ค.) โดยอ้างถึงผิดอุกฉกรรจ์ที่เธอก่อและความเสี่ยงที่เธอจะทำลายหลักฐาน โดยก่อนหน้านี้ อัยการเคยสอบปากคำเธอนานกว่า 17 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 21 มีนาคม หลังเธอถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง สูญเสียเอกสิทธิ์คุ้มกันไปในตอนต้นเดือน
หนึ่งในข้อกล่าวหาต่างๆ อัยการระบุว่า พัค ปล่อยความลับของรัฐรั่วไหลและสมคบคิดกับ ชอย เรียกรีบสินบนจาก เจ วาย ลี ทายาทซัมซุง ทั้งนี้ ชอย และ ลี ถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดี แต่ทั้งคู่ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการควบคุมของ พัค จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อความรู้สึกของผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งหาประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 9 พฤษภาคม โดยผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบว่าเหล่าผู้นำหัวเอียงซ้าย ในนั้นรวมถึง มุน แจ-อิน อดีตผู้นำฝ่ายค้าน มีคะแนนนำอยู่ในโพลหลายสำนัก
ในอดีตชาวเกาหลีใต้เคยได้เห็นผู้นำของตนเองเดินเข้าซังเตมาแล้ว โดยเมื่อปี 1990 ชุน ดู ฮวาน โดนตัดสินประหารชีวิต และ โรห์ แต-วู ติดคุก 22 ปี 6 เดือน หลังถูกพบว่ามีความผิดฐานทุจริตและปลุกปั่นรัฐประหาร ก่อนทั้งสองได้รับการอภัยโทษในเวลาต่อมา