เอเจนซีส์ –ธนาคารรัสเซียที่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร จากกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน เปิดเผยว่า ผู้บริหารของธนาคารเคยพบกับ "จาเร็ด คุชเนอร์" ลูกเขยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงที่ปรึกษาระดับสูงของทำเนียบขาวเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ทางทำเนียบขาวก็แถลงว่า ลูกเขยทรัมป์รายนี้จะไปให้การต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาที่กำลังตรวจสอบข้อสงสัยกรณีมอสโกแทรกแซงการเลือกตั้งอเมริกา ด้านทรัมป์ยืนยันเรื่องตนกับรัสเซียเป็นข่าวลวง พร้อมเรียกร้องให้สภาหันไปจับตา "ฮิลลารี คลินตัน"
ก่อนหน้านี้ คุชเนอร์ วัย 36 ปี สามีของอิวองกา ทรัมป์ ลูกสาวประธานาธิบดีทรัมป์ ยอมรับว่า เคยพบกับ เซอร์เก คิสลยาค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำวอชิงตันเมื่อเดือนธันวาคม แต่เพิ่งจะมีการเปิดเผยเมื่อวันจันทร์นี้เอง (27) ว่าผู้บริหารของ "เวเนชอีโคโนมแบงก์" (วีอีบี) ธนาคารเพื่อการพัฒนาของรัฐบาลรัสเซีย เคยคุยกับคุชเนอร์ระหว่างที่แบงก์แห่งนี้ทำโรดโชว์ในปีที่ผ่านมา
วีอีบีระบุในแถลงการณ์ทางอีเมลว่า ผู้บริหารของธนาคารได้พบปะกับตัวแทนจากสถาบันการเงินในยุโรป เอเชีย และอเมริกา อันเป็นส่วนหนึ่งของการจัดเตรียมกลยุทธ์ใหม่ และกลุ่มเป้าหมายที่ผู้บริหารของธนาคารพบปะนั้นมีคุชเนอร์ด้วย ในฐานะประธาน "คุชเนอร์ คอมปานีส์"
อย่างไรก็ตาม วีอีบีปฏิเสธที่จะระบุสถานที่และวันเวลาที่พบกับคุชเนอร์ ขณะที่เจ้าตัวเองยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้แต่อย่างใด
ปัจจุบันคณะบริหารของทรัมป์กำลังถูกเพ่งเล็งจากข้อกล่าวหาของหน่วยงานด้านข่าวกรองที่ว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการแฮ็กข้อมูลของเจ้าหน้าที่อาวุโสในพรรคเดโมแครต เพื่อช่วยให้ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปลายปีที่แล้ว
แม้ทั้งทรัมป์และเครมลินปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ คิสลยาคเคยติดต่อกับทีมงานทรัมป์ จนในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ไมเคิล ฟลินน์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติคนแรกของคณะบริหารชุดนี้ก็ถูกปลดออก หลังถูกสื่อแฉว่า เขาเคยหารือเรื่องมาตรการลงโทษรัสเซียกับคิสลยาคก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง แถมโกหกเรื่องนี้กับรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า หลังพบกับคิสลยาคที่อาคาร "ทรัมป์ ทาวเวอร์" เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ฟลินน์ยังพบกับ "เซอร์เก กอร์คอฟ" ประธานกรรมการวีอีบี โดยมีคุชเนอร์ร่วมวงด้วยในช่วงปลายเดือนเดียวกัน
ที่น่าสนใจคือ กอร์คอฟได้รับแต่งตั้งคุมวีอีบีโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และยังเป็นศิษย์เก่าสำนักงานความมั่นคงรัสเซีย (เอฟเอสบี) รวมทั้งเคยได้เหรียญกล้าหาญจากการรับใช้ชาติ
เจ้าหน้าที่รัฐสภา 2 คนเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนของวุฒิสภาบางคนต้องการสอบปากคำคุชเนอร์และฟลินน์ว่า เคยหารือกับกอร์คอฟ หรือเจ้าหน้าที่รัสเซียและผู้บริหารด้านการเงินคนอื่นๆ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลงทุนในอาคารสำนักงาน "666 ฟิฟธ์ อะเวนิว" ในนิวยอร์ก หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ของบริษัทของคุชเนอร์หรือทรัมป์ หากคณะบริหารชุดใหม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหรือไม่
ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันจันทร์ว่า คุชเนอร์ยินดีไปให้การกับคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาที่มี "ริชาร์ด เบอร์" วุฒิสมาชิกของรีพับลิกันเป็นประธาน และกำลังตรวจสอบกรณีมอสโกแทรกแซงการเลือกตั้งประมุขทำเนียบขาวเมื่อปีที่แล้ว
คุชเนอร์นั้นเป็นผู้ประสานงานหลักของทรัมป์กับรัฐบาลต่างชาติระหว่างการหาเสียง และปัจจุบัน ยังคงรับบทบาทดังกล่าวในทำเนียบขาว อาทิ จัดการพบปะระหว่างทรัมป์กับผู้นำอย่างเช่น นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น แต่ประเด็นที่กำลังถูกจับจ้องคือ การติดต่อของเขากับเจ้าหน้าที่รัสเซีย
เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ทวิตข้อความยืนยันว่า เรื่องราวของตนเองกับรัสเซียเป็นข่าวลวง พร้อมเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาหันไปตรวจสอบคลินตัน คู่แข่งในศึกชิงทำเนียบขาวจากพรรคเดโมแครตแทน
นอกจากการสอบสวนของคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรแล้ว สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ยังกำลังตรวจสอบเรื่องการแทรกแซงของรัสเซียเช่นเดียวกัน ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่มอสโกอาจสมรู้ร่วมคิดกับทีมหาเสียงของทรัมป์
ความคืบหน้าล่าสุดนี้ยังเกิดขึ้นพร้อมกับที่แนนซี่ เปโลซี ผู้นำเดโมแครตในสภาผู้แทนฯ และอดัม ชิฟฟ์ สมาชิกชั้นนำของเดโมแครตในคณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนฯ เรียกร้องให้เดวิน นูเนส ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนฯ ถอนตัวจากการสอบสวนกรณีรัสเซีย จากข่าวใหม่ที่ระบุว่า นูเนสเดินทางไปทำเนียบขาวเมื่อคืนวันอังคารที่แล้ว (21) และได้ดูข้อมูลที่เป็นความลับ ก่อนที่จะออกมาแถลงในวันรุ่งขึ้นว่า มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า บรรดาผู้ช่วยของทรัมป์บางคนอาจถูกหน่วยงานข่าวกรองดักฟังโดยบังเอิญก่อนที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม
อย่างไรก็ตาม แจ็ค แลงเกอร์ โฆษกของนูเนสแถลงว่า นูเนสไปที่สนามทำเนียบขาวเพื่อพบแหล่งข่าวที่นำข้อมูลมาให้ และเลือกนัดพบที่ทำเนียบขาวก็เพื่อความปลอดภัย ขณะที่นูเนสแก้ต่างผ่านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า เขาไปที่ทำเนียบขาวเพราะรัฐสภาไม่มีข้อมูลข่าวกรอง แต่ไม่ได้พบทรัมป์หรือผู้ช่วยประธานาธิบดี และไม่ได้ประสานงานในการเผยแพร่ข้อมูลกับคณะบริหารแต่อย่างใด ด้านสไปเซอร์ไม่ได้ให้คำตอบว่า บุคคลใดในทำเนียบขาวที่ช่วยนำนูเนสไปยังสถานที่ปลอดภัย
เรื่องราวนี้ถือเป็นการหักมุมครั้งล่าสุดของมหากาพย์ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 4 เดือนนี้ ที่ทรัมป์ทวิตต์แบบไม่มีหลักฐานว่า เขาเพิ่งพบว่า อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ติดเครื่องดักฟังในทรัมป์ ทาวเวอร์ก่อนที่เขาจะชนะการเลือกตั้ง แต่เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (20) เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอ ยืนยันในสภาว่า ไม่มีหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างของทรัมป์