เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - ท่ามกลางวิกฤตไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐฯ ทำเอาธุรกิจบังเกอร์หลบภัยในอเมริกามียอดขายสูงเพิ่มถึง 500% ในรัฐบาลสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เทียบกับ 250% ในสมัยของโอบามา บังเกอร์หลบภัยมีความสามารถหลบได้ตั้งแต่ภัยสงครามกลางเมืองไปจนถึงพายุทอร์นาโด มีอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมสำหรับการดำรงชีพตั้งแต่อาหารไปจนถึงห้องทีวีเธียเตอร์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ในสนนราคาเริ่มต้น 45,000 ดอลลาร์
NBC NEWS สื่อสหรัฐฯ รายงานล่าสุดว่า การเข้ามาเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้พลเมืองอเมริกันส่วนหนึ่งต้องการเตรียมรับความพร้อมถึงความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ในอเมริกา
โดยในการรายงานของสื่อสหรัฐฯ พบว่า ธุรกิจบังเกอร์ในอเมริกาที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคสงครามเย็นระหว่างอเมริกาและอดีตสหภาพโซเวียตได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า พบว่ายอดขายบังเกอร์เพิ่มสูงถึง 500% ในสมัยทรัมป์เมื่อเทียบกับสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรค เดโมแครต บารัค โอบามา ที่ 250%
โดย ไคลด์ สกอตต์ (Clyde Scott) เจ้าของธุรกิจบังเกอร์รัฐเทกซัส บริษัท ไรซิง เอส (Rising S) ที่มีสัญลักษณ์รูปไม้กางเขนสุสานเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท ได้เปิดเผยกับ NBC NEWS ในเดือนกุมภาพันธ์ล่าสุดว่า “ในสมัยชุดรัฐบาลโอบามา ยอดขายของเราอยู่ที่ 250% แต่ทว่าในสมัยชุดรัฐบาลทรัมป์ แค่เฉพาะในช่วงเดือนที่ผ่านมา ยอดขายเพิ่มไปแล้วถึง 500%”
สื่อสหรัฐฯ พบว่า หลุมหลบภัยใต้ดินของทางไรซิง เอสถูกออกแบบมาให้ตอบรับกับความเสี่ยงต่อภัยรูปแบบต่างๆ เป็นต้นว่า ความไม่สงบในเมือง สงคราม หรือภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น
จากสนนราคาของบังเกอร์ใต้ดินขนาด 8x12 ฟุต นั้นเริ่มต้นที่ 45,000 ดอลลาร์ในรุ่นต่ำสุด โดยภายในบังเกอร์จะรวมไปถึง “blast valve” ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความแรงระเบิดเล็ดลอดผ่านเข้ามาทางช่องระบายอากาศของบังเกอร์ และมีการติดตั้งระบบกรองน้ำและกรองอากาศ พร้อมกับอ่างล้างจานทำด้วยสแตนเลส ชักโครกพร้อมฝักบัวอาบน้ำ
ทั้งนี้ พบว่าบังเกอร์รุ่นต่ำสุดที่ถูกโฆษณาขายนั้นยืนยันว่า จำนวนอาารสามารถถูกเก็บเพื่อมีชีวิตรอดได้นาน 2 ปี
แต่อย่างไรก็ตาม สื่อ NBC NEWS ชี้ว่า ทว่ากลับพบว่าลูกค้าชาวอเมริกันที่กลับมาซื้อเป็นรอบที่ 2 ในบางส่วนยืนยันว่า *** ทรัมป์ไม่ใช่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนเหล่านี้ต้องการความปลอดภัยอย่างสูงสุดในยามฉุกเฉิน*** โดยหนึ่งในนั้นคือ ครอบครัวกรีนฮอว์
โดยทั้งโจช (Josh) และบรู๊ก (Brooke) ที่ได้โหวตให้กับทรัมป์ในรอบที่ผ่านมา ได้สั่งซื้อบังเกอร์ที่ 2 มาไว้ในครอบครอง บรู๊ก กรีนฮอว์ ให้ความเห็นว่า “เหตุใดจึงไม่เตรียมความพร้อม เพราะมันอาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้ อาจเป็นพายุทอร์นาโด อาจเป็นความไม่สงบ เพราะทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเมืองล้วนแต่ทำให้ผมต้องการซื้อบังเกอร์หลบภัยอันนี้”
ในขณะที่โจช สามีของบรู๊กกล่าวให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ทรัมป์ไม่ใช่ปัจจัยที่เราคำนึงถึง แต่เป็นคนอื่นในโลกใบนี้ที่พวกเรากำลังวิตก”
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า นอกจากความวิตกกังวลในสถานการณ์ล่าสุดยังได้ปรากฏในการรายงานของสื่อสหรัฐฯ อีกแห่ง เดอะ นิวยอร์กเกอร์ ที่เมื่อไม่นานมานี้รายงานว่า บรรดาซีอีโอซิลิกอนวัลเลย์ รัฐคลิฟอร์เนีย เตรียมความพร้อมในความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้ซื้อที่ดินนอกเขตเมืองเพื่อใช้เป็นแหล่งหลบภัย ที่เริ่มตั้งแต่สงครามกลางเมืองไปจนถึงเหตุแผ่นดินไหว
สื่ออังกฤษ เดลีเมล์รายงานว่า เป็นที่น่าสนใจว่า บังเกอร์ในยุคศตวรรษที่ 21 นั้นได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะนอกจากรุ่นเบสิกในราคาราว 40,000 ดอลลาร์แล้ว ยังพบว่าทางบริษัท ไรซิง เอส ของสกอตต์ที่อยู่ในธุรกิจนี้มาอย่าางยาวนานร่วม 13 ปี ได้เสนอบังเกอร์รุ่นเดอะโกลเดนทรัมป์ หรือที่เรียกว่า รุ่นเอริสโตรแครต (Aristocrat) ซึ่งเป็นรุ่นตัวท็อป นั้นยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว สนามฝึกยิงปืน ห้องทีวีโฮมเธียเตอร์ ที่ทั้งหมดนี้ล้วนฝังตัวอยู่ใต้ดิน และพร้อมความสามารถจุคนหลบภัยพร้อมกันได้ 44 คน ในสนนราคาแค่ 8.4 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
โดยในการรายงานของสื่ออังกฤษระบุว่า บังเกอร์รุ่นนี้ได้ให้หลักประกันต่อผู้อาศัยภายในว่า เมื่อคิดต่อคนสามารถใช้อาหารที่ถูกเก็บภายในเพื่อมีชีวิตรอดนานถึง 1 ปี
NBC NEWS รายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะเดียวกันพบว่า ยอดขายบังเกอร์และที่หลบภัยของบริษัท นอแรด เชลเตอร์ ซิสเต็มส์ เอลเอลซี (Norad Shelter Systems LLC) จากรัฐเทกซัส พบยอดขายเพิ่มถึง 8 เท่า จากการให้ความเห็นของวอลเตอร์ แม็คคาร์ธี
โดยแม็กคาร์ธีได้ความเห็นถึงแรงจูงใจของลูกค้าในการซื้อต่อยอดขายเหล่านี้กับสื่อสหรัฐฯ ว่า “เสี่ยงบ่นมากที่สุดมาจากลูกค้าของเรา คือ 1. ทรัมป์และชุดรัฐบาลของเขาไม่สามารถจัดการกับความจริงได้” และกล่าวให้ความเห็นกับ NBC NEWS อีกว่า “และ 2. คือ เกิดจากคำสั่งห้ามการเดินทางของทรัมป์ และการขาดความร่วมือกับประเทศอื่นๆ ทำให้ เราไม่สามารถได้ข่าวกรองที่เราต้องการเพื่อปกป้องสหรัฐฯได้ ซึ่งจากปัจจัยทั้ง 2 ข้อทำให้แฟกเตอร์ของการที่จะเกิดสงครามพุ่งสูงอีกหลายเท่าตัว”
ในขณะที่ รอน ฮับบาร์ด (Ron Hubbard) เจ้าของบริษัท แอตลาส เซอร์ไววัล เชลเตอร์ส (Atlas Survival Shelters) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ออกมาให้ความเห็นเช่นกันว่า “ยอดขายของทางบริษัทเพิ่มขึ้นใน 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งทรัมป์ และอีกครั้งในช่วงหลังจากเลือกตั้งไปแล้ว ในระยะเวลานาน 1 เดือน”
