เอเจนซีส์ - องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาแสดงความกังวลหลังมีกระแสข่าวว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ ที่เมืองโมซุลของอิรักเป็นเหตุให้พลเรือนเสียชีวิตไปกว่า 200 คน
เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเอ็นในอิรัก ระบุว่า เธอถึงกับ “พูดไม่ออก” หลังได้รับรายงานว่ามีประชาชนอย่างน้อย 200 คนถูกสังหารในปฏิบัติการโจมตีของฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งให้การสนับสนุนกองทัพอิรักในการชิงเมืองโมซุลคืนจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า การตายของพลเรือนจำนวนมากเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อใด แต่สื่อมวลชนซึ่งเข้าไปทำข่าวที่ย่านจาดิเดห์ (Jadideh) ทางฝั่งตะวันตกของโมซุลยืนยันว่า เมื่อวานนี้ (24) มีการนำร่างผู้เสียชีวิตราวๆ 50 ศพออกมาจากซากอาคารหลายหลังที่ถูกเครื่องบินขับไล่ของฝ่ายพันธมิตรสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดในเดือนนี้
กองกำลังความมั่นคงอิรักได้ทำสงครามรุกคืบเข้าไปยังโมซุล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศซึ่งถูกไอเอสยึดครองไว้ตั้งแต่ปี 2014 และเป็นฐานที่มั่นหลักสุดท้ายของไอเอสในอิรัก
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สอ้างแหล่งข่าวในกองทัพอเมริกันซึ่งระบุว่า กลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเลขพลเรือนที่เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ระหว่างวันที่ 17 - 23 มี.ค. ที่ผ่านมา
พ.อ.โจเซฟ สคร็อกกา โฆษกกองบัญชาการกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯในกรุงแบกแดด ยืนยันว่า “กลุ่มพันธมิตรได้มีการตั้งทีมสืบสวนเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของตัวเลขพลเรือนที่เสียชีวิต... ซึ่งกระบวนการทั้งหมดอาจต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีการระบุชัดเจนว่าการโจมตีเกิดขึ้นเมื่อใด”
องค์การสหประชาชาติประเมินว่า ขณะนี้ยังมีพลเรือนติดอยู่ภายในเขตเมืองเก่าโมซุลมากถึง 400,000 คน ในขณะที่กองทัพแบกแดดกำลังบุกเข้าไปช่วงชิงเมืองคืนจากไอเอส
ประชาชนชาวอิรักได้หลบหนีออกจากฝั่งตะวันตกของโมซุลแล้วมากกว่า 180,000 คน ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีผู้คนหนีตายอีกราวๆ 320,000 คนในช่วงไม่กี่สัปดาห์หน้า
ชาวบ้านซึ่งสามารถหลบหนีออกไปยังที่ปลอดภัยแล้ว ระบุว่า นักรบไอเอสพยายามใช้ชาวเมืองเป็น “โล่มนุษย์” โดยเข้าไปหลบอยู่ตามบ้านเรือน และบังคับคนหนุ่มๆ ให้ออกมาจับอาวุธสู้รบกับทหาร
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่ายังมีนักรบไอเอสกบดานอยู่ในเมืองโมซุลอีกราวๆ 2,000 คน