เอเจนซีส์ - คนร้ายที่ก่อเหตุขับรถชนกลุ่มคนและใช้มีดแทงตำรวจที่บริเวณใกล้อาคารรัฐสภากลางกรุงลอนดอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 ราย และบาดเจ็บอีก 40 คน ก่อนที่เขาเองจะถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต เป็นผู้ที่เกิดในอังกฤษ และเคยถูกหน่วยข่าวกรองเอ็มไอ 5 ตรวจสอบเนื่องจากสงสัยว่ามีความคิดรุนแรงสุดโต่ง นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ของแดนผู้ดีแถลงในวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) ขณะที่บรรดาผู้นำชาติมหาอำนาจ ทั้งอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี ต่างออกมาประกาศเคียงข้างลอนดอนต่อสู้กับการก่อการร้าย
ด้านกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ได้ประกาศอ้างความรับผิดชอบก่อการโจมตีครั้งนี้ในคำแถลงฉบับหนึ่งซึ่งออกโดยสำนักข่าวอามัก ของไอเอส ทว่าคำแถลงนี้ไม่ได้ให้ชื่อหรือรายละเอียดอื่นๆ และยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุโจมตีผู้นี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับไอเอสหรือไม่
ในวันเดียวกัน ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 8 คนจากสถานที่ต่างๆ 6 แห่งในกรุงลอนดอนและในเมืองเบอร์มิงแฮม เพื่อนำตัวมาสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นในตอนบ่ายวันพุธ (22) โดยคนร้ายกระทำการเพียงคนเดียวแบบ “หมาป่าผู้โดดเดี่ยว” และนายกรัฐมนตรีระบุในคำแถลงส่งถึงรัฐสภาว่า ผู้ก่อเหตุได้รับแรงบันดาลใจจากอุดมการณ์อิสลามที่ถูกบิดเบือน
“สิ่งที่ดิฉันสามารถยืนยันได้ก็คือ ชายผู้นี้เป็นผู้ที่เกิดในอังกฤษ และเมื่อประมาณหลายปีมาแล้ว ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกสอบสวนโดย เอ็มไอ 5 ในความสัมพันธ์ซึ่งเป็นที่กังวลกันเกี่ยวกับความคิดรุนแรงสุดโต่ง” เมย์บอกในคำแถลง
“เขาเป็นบุคคลระดับชายขอบ … เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพข่าวกรองในปัจจุบัน ไม่มีข่าวกรองก่อนหน้านี้ใดๆ เกี่ยวกับความตั้งใจของเขาหรือแผนก่อเหตุร้ายคราวนี้” เธอกล่าว พร้อมบอกว่าชื่อของเขาจะได้รับการเปิดเผยเมื่อไม่เป็นผลเสียหายต่อการสอบสวนแล้ว
ทางด้าน มาร์ค ราวลีย์ หัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษ แถลงในวันเดียวกันว่า เหตุโจมตีครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้ก่อเหตุขับรถข้ามสะพานเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับอาคารรัฐสภา และพุ่งชนกลุ่มคนที่อยู่บนทางเท้าของสะพาน จากนั้นเขาก็ลงจากรถและพยายามวิ่งผ่านประตูใหญ่อาคารรัฐสภาและใช้มีดขนาดใหญ่แทงตำรวจนายหนึ่ง ก่อนที่ตัวเองจะถูกเจ้าหน้าที่ติดอาวุธยิงเสียชีวิต
ทางการลอนดอนสันนิษฐานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการก่อการร้ายที่ไม่มีเป้าหมายแน่นอนและเกี่ยวข้องกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ขณะที่คนอังกฤษพากันช็อกกับข้อเท็จจริงที่ว่า คนร้ายสามารถสร้างความโกลาหลและอกสั่นขวัญแขวนอย่างรุนแรงโดยมีแค่รถที่เช่ามาและมีดเล่มเดียวเท่านั้น
เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นในวันครบรอบ 1 ปีการโจมตีบรัสเซลส์ของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่มีผู้เสียชีวิตถึง 32 ราย
ราวลีย์บอกว่า เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย รวมถึงผู้ก่อเหตุ และผู้บาดเจ็บราว 40 คน โดยที่ 29 คนยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และ 7 คนในจำนวนนี้มีอาการสาหัส
ในส่วนผู้เสียชีวิตนั้น ราวลีย์ระบุว่าเป็นพลเมืองจากหลายประเทศ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ นอกเหนือจากบอกว่าเหยื่อเป็นตำรวจหนึ่งนาย ซึ่งสื่ออังกฤษรายงานว่า ชื่อ เคธ ปาล์มเมอร์ วัย 48 ปี รับราชการมานาน 15 ปี ส่วนเหยื่ออีก 2 รายที่ตายนั้นเป็นหญิงวัย 40 กลางๆ หนึ่งคน กับชายวัย 50 กว่าอีกคน
เช่นเดียวกัน ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นพลเมืองจากหลายชาติ เช่น นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 5 คน, ชาวโรมาเนีย 2 คน, ชาวโปรตุเกส 1 คน และยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บและตกจากสะพานลงไปในแม่น้ำเทมส์ แต่ได้รับการช่วยขึ้นมาหลังเกิดเหตุ
ฌอง-มาร์ก เอโรลต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส เผยว่า จะเดินทางไปลอนดอนเช้าวันพฤหัสบดี (23) เพื่อเยี่ยมนักเรียนฝรั่งเศส 3 คน อายุ 15-16 ปี ที่เดินทางไปทัศนศึกษาและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้
ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ไมเคิล ฟอลลอน เผยว่า จะทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภา เช่นเดียวกับซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีลอนดอน ที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะต้องเพิ่มกำลังตำรวจบนถนนสายต่างๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยชาวลอนดอนและนักท่องเที่ยว
ในส่วนรัฐสภาจะเปิดประชุมอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (23) อย่างไรก็ดี สำนักพระราชวังบักกิงแฮมประกาศเลื่อนการเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดสำนักงานใหญ่ตำรวจนครบาลลอนดอน ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธในวันพฤหัสบดีออกไปก่อน
หลังเกิดเหตุในวันพุธ (22) แล้ว นายกฯ เมย์ได้ออกแถลงประณามการโจมตีว่า เป็นพวกผิดปกติและชั่วช้า พร้อมประกาศว่า การโจมตีไม่สามารถบ่อนทำลายค่านิยมเกี่ยวกับเสรีภาพ ประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือการใช้ชีวิตตามปกติของชาวลอนดอนได้ และคนอังกฤษจะไม่แตกแยกกันเพราะเรื่องนี้ ทั้งยังระบุว่า สถานที่ซึ่งถูกโจมตีไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเลือกใจกลางกรุงลอนดอนที่มีคนจากทุกเชื้อชาติศาสนา
นอกจากนั้น ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน เมย์ยังแถลงหน้าดาวนิ่ง สตรีท ทำเนียบประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า อังกฤษจะคงระดับการเตือนภัยไว้ที่ระดับ 4 หรือ “ร้ายแรง” ต่อไป
ทว่า กลุ่มต่อต้านคนเข้าเมือง เช่น ลีฟ อียู ออกมาโยงเหตุโจมตีครั้งนี้กับปัญหาคนเข้าเมืองทันที โดยกล่าวหาว่า นักการเมืองกระแสหลักทั่วยุโรปอำนวยความสะดวกการก่อการร้ายจากความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยชายแดน
ที่ฝรั่งเศส มารีน เลอ เปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคการเมืองขวาจัด วิจารณ์ว่า เหตุการณ์ในลอนดอนตอกย้ำความสำคัญในการปกป้องพรมแดนของประเทศและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย
ทั้งนี้ ภาพจากสำนักข่าวเพรส แอสโซซิเอชันเผยให้เห็นชายที่เชื่อว่าเป็นผู้ก่อเหตุ นอนอยู่บนเปลหามผู้ป่วย เป็นชายร่างใหญ่สวมชุดดำและมีหนวดเครา นอกจากนี้ยังมีคลิปที่เห็นผู้คนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงและได้ยินเสียงปืนดัง 3 นัด
โทเบียส เอลวูด รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอังกฤษ ที่ก่อนหน้านี้ต้องสูญเสียโจนาธาน น้องชายในเหตุระเบิดบาหลีปี 2002 ปรากฏในภาพข่าวของหลายสำนัก ขณะพยายามปฐมพยาบาลตำรวจที่ถูกแทง
การก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดในอังกฤษเกิดขึ้นเมื่อปี 2005 เมื่อมือระเบิดชาวอังกฤษ 4 คนที่ได้แรงบันดาลใจจากกลุ่มอัล-กออิดะห์ โจมตีระบบขนส่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 52 ราย และการโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว จากการลอบสังหารสมาชิกสภา โจ ค็อกซ์ โดยพวกฝักใฝ่นาซี ทางเหนือของอังกฤษ
บรรดาชาติพันธมิตรของอังกฤษต่างช็อกไปตามๆ กัน และประกาศจะเคียงข้างลอนดอนต่อสู้กับการก่อการร้าย ขณะที่หอไอเฟลในกรุงปารีสดับไฟเมื่อเวลาเที่ยงคืนวันพุธ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบเหตุในลอนดอน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส ต่อสายคุยกับเมย์ ส่วนนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ประกาศว่า เยอรมนีจะร่วมกับอังกฤษต่อสู้กับการก่อการร้ายทุกรูปแบบ