xs
xsm
sm
md
lg

อังกฤษเอาอย่างสหรัฐฯ ห้ามผู้โดยสารพกอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ขึ้นเครื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อังกฤษดำเนินการตามสหรัฐฯในวันอังคาร(21มี.ค.) ออกคำสั่งห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาขึ้นเครื่องบินที่มีต้นทางจากท่าอากาศยานต่างๆในเหล่าประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ โดยอุปกรณ์เหล่านั้นรวมถึงแท็บเล็ต , เครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา , คอมพิวเตอร์แล็บท็อป , กล้อง ฯลฯ
รอยเตอร์ - อังกฤษดำเนินการตามสหรัฐฯ ในวันอังคาร (21 มี.ค.) ออกคำสั่งห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาขึ้นเครื่องบินที่มีต้นทางจากท่าอากาศยานต่างๆ ในเหล่าประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ในมาตรการตอบสนองต่อภัยคุกคามความมั่นคงที่ไม่เฉพาะเจาะจง

ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (21 มี.ค.) กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ระบุว่า พวกผู้โดยสารที่เดินทางจากท่าอากาศยานที่กำหนดจะไม่สามารถนำอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือ อย่างเช่น แท็บเล็ต, เครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา, คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป, กล้อง ฯลฯ เข้าไปยังห้องโดยสาร โดยอุปกรณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาต้องบรรจุลงในกระเป๋าสัมภาระสำหรับตรวจสอบและโหลดใต้ท้องเครื่อง

อังกฤษตัดสินใจใช้มาตรการแบบเดียวกัน โดยโฆษกของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ บอกว่าจะห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาขึ้นเครื่องบินเช่นกัน ซึ่งจะบังคับใช้กับเที่ยวบินที่มีต้นทางจาก 6 ชาติมุสลิมในตะวันออกกลาง

ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ และอังกฤษมีขึ้นจากรายงานข่าวที่ว่า พวกกลุ่มนักรบหวังลักลอบเอาวัตถุระเบิดขึ้นเครื่องผ่านการซุกซ่อนไว้ในอุปกรณ์อเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ กำหนดให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากสนามบินใน 8 ประเทศ ได้แก่ จอร์แดน, อียิปต์, ตุรกี, ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, คูเวต, โมร็อกโก, กาตาร์ จะต้องถูกตรวจเช็กอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือ

โดย 10 สนามบินที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้คือ สนามบินอัมมาน, สนามบินไคโร, สนามบินคูเวตซิตี้, สนามบินโดฮา, สนามบินดูไบ, สนามบินอิสตันบูล, สนามบินอาบูดาบี, สนามบินคาซาบลังกา, สนามบินริยาด, สนามบินเจดดาห์

เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ที่จะใช้คำสั่งแบนการเข้าเมืองของพลเรือนจาก 6 ชาติมุสลิม คำสั่งล่าสุดนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ชาติใดเป็นการเฉพาะ รัฐบาลประเมินจากข้อมูลข่าวกรองเพื่อกำหนดว่าจะเป็นสนามบินไหน

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าสนามบินทั้ง 10 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้ ล้วนตั้งอยู่ในประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม

สนามบินเหล่านั้นมี 9 สายการบินที่ให้บริการบินตรงสู่สหรัฐฯ รวมแล้วประมาณวันละ 50 เที่ยวบิน ได้แก่ รอยัล จอร์แดเนียน แอร์ไลน์ส, อียิปต์ แอร์, เตอร์กิช แอร์ไลน์ส, ซาอุดีอาระเบียน แอร์ไลน์ส, คูเวต แอร์ไลน์ส, รอยัล แอร์ มารอค, กาตาร์ แอร์เวย์ส, เอมิเรตส์ และ เอติฮัด แอร์เวย์ส สายการบินเหล่านี้จะมีเวลาอนุโลมสำหรับเตรียมตัวเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งได้จนถึงวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นวันที่เริ่มบังคับใช้มาตรการดังกล่าวโดยทันที

ในส่วนของอังกฤษระบุว่า ข้อกำหนดดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับเที่ยวบินตรงจากตุรกี, เลบานอน, จอร์แดน, อียิปต์, ตูนิเซีย และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งครอบคลุมสายการบินบริติช แอร์เวย์ส, อีซีย์เจ็ต, เจ็ต2, โมนาร์ช, โทมัส คุก, ธอมป์สัน, แอทลาส-โกลบอล, เพกาซัส, อียิปต์แอร์, รอยัล จอร์แดเนียน, มิดเดิลอีสต์ แอร์ไลน์ส, ซาอุเดีย, เตอร์กิช แอร์ไลน์ส และตูนิสแอร์

โฆษกรัฐบาลอังกฤษระบุว่า “ความปลอดภัยด้านการเดินทางของประชาชนคือเป้าหมายสูงสุดของเรา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีการทบทวนมาตรการความปลอดภัยด้านการบินอย่างต่อเนื่อง และกำหนดมาตรการที่เราเชื่อว่ามีความจำเป็น มีประสิทธิภาพและพอเหมาะพอควร”


กำลังโหลดความคิดเห็น