เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ออกอาการหัวเสีย และด่าทอนักการเมืองยุโรปว่าเป็นพวก “คนบ้า” หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำสงครามกวาดล้างยาเสพติด พร้อมประกาศกร้าวว่าจะเดินหน้าสังหารผู้ค้ายาเสพติดทุกคนไม่ให้เหลือ
ดูเตอร์เต ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนเมียนมาเป็นเวลา 2 วันได้แถลงตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนเมื่อค่ำวานนี้ (19 มี.ค.) หลังจากสัปดาห์ที่แล้วรัฐสภายุโรปได้ออกมติประณามทางการฟิลิปปินส์ที่ได้ “วิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก โดยไร้การไต่สวน”
“ผมไม่เข้าใจคนบ้าพวกนี้เลย ทำไมพวกคุณต้องมาชี้นิ้วสั่งเรา? ทำไมไม่ใส่ใจเรื่องของตัวเอง” ดูเตอร์เต ซึ่งมักจะใช้คำสบถหยาบคายตอบโต้พวกที่กล้าวิจารณ์รัฐบาลของเขา กล่าว
“คุณจะมาวุ่นวายอะไรกับเรานักหนา ขอพระเจ้าสาปแช่งด้วยเถอะ”
ดูเตอร์เต วัย 71 ปี เข้ารับตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว พร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าจะปราบปรามทั้งผู้ค้าและผู้เสพยานรกให้หมดไปจากประเทศ เพื่อไม่ให้ฟิลิปปินส์ต้องกลายเป็นรัฐยาเสพติด (narco-state)
ผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี ตำรวจฟิลิปปินส์ยืนยันสถิติการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยเพียงราวๆ 2,500 ราย ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนยืนยันว่า ยังมีอีกกว่า 5,000 ศพที่ถูกฆ่าโดยไม่รู้ว่าใครลงมือ
องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International - AI) และ ฮิวแมนไรต์วอตช์ รายงานว่าตำรวจฟิลิปปินส์มีการจ้าง “หน่วยล่าสังหาร” ออกไปปลิดชีพผู้ค้ายาเสพติด พร้อมทั้งเตือน ดูเตอร์เต ว่าสิ่งที่เขาทำอาจเข้าข่ายก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
ดูเตอร์เตอ้างว่า รัฐบาลไม่เคยอนุญาตให้กองกำลังความมั่นคงทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย ทว่าตัวเขาเองเคยเรียกร้องให้ตำรวจเข่นฆ่าคนติดยา “นับล้านๆ คน” และสัญญาว่าจะปกป้องเจ้าหน้าที่ไม่ให้ถูกดำเนินคดีฐานฆาตกรรม
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (19) ผู้นำขาโหดได้เอ่ยย้ำอีกครั้งว่า จะต้องมีคนถูกฆ่าเพิ่มขึ้นอีก
“จะต้องมีคนตายมากกว่านี้อีก ผมบอกได้เลยว่าจะไม่หยุดแค่นี้ ผมจะทำต่อไปจนกว่าราชายาเสพติดคนสุดท้ายในฟิลิปปินส์จะถูกฆ่า และไม่มีการขายยาเสพติดตามท้องถนนอีกต่อไป”
สำหรับกระแสวิจารณ์ที่ว่าสงครามยาเสพติดของเขามุ่งเล่นงานคนจนเป็นหลัก ดูเตอร์เต ยืนยันว่ารัฐบาลจะ “กวาดล้าง” ทั้งผู้ค้ารายย่อย และพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ๆ โดยไม่มีละเว้น
รัฐสภายุโรปมีมติเรียกร้องให้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Council) เข้ามาตรวจสอบสงครามยาเสพติดของดูเตอร์เต พร้อมแสดง “ความเป็นห่วงอย่างยิ่งยวด” เมื่อทราบว่าผู้นำฟิลิปปินส์รายนี้คิดจะนำโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ใหม่
เพื่อชี้ให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่แตกต่าง ดูเตอร์เต ได้อ้างถึงหน้าปกนิตยสารไทม์สฉบับล่าสุดที่ว่าด้วยเรื่องของเพศสภาพ (gender and sexuality) พร้อมระบุว่า ชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน
“นั่นคือวัฒนธรรมของพวกเขาซึ่งใช้ไม่ได้กับเรา เราเป็นชาวคริสต์คาทอลิก และมีระเบียบสังคมที่กำหนดไว้ว่า คนอย่างผมต้องแต่งงานกับผู้หญิง และถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งงานกับผู้ชาย”
“คุณจงอยู่ในที่ที่พระเจ้าส่งคุณไปอยู่ และอย่าพยายามดึงพวกเราเข้าไปด้วย”
ผู้นำฟิลิปปินส์ยืนยันว่าไม่กลัวคำขู่จากต่างชาติเรื่องที่เขาอาจตกเป็นจำเลยในศาลระหว่างประเทศ และยังโอ้อวดเรื่องที่ตนเคยด่าอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ว่า “ลูกกะหรี่” (son of a whore) มาแล้ว
ดูเตอร์เตยังพูดย้ำข้อกล่าวหาลอยๆ ของเขาที่ว่า สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) กำลังวางแผนลอบสังหารเขาอยู่
“พวกเขาประเมินผมผิดไป คิดว่าเอาเรื่องคุกตะรางมาขู่แล้วผมจะกลัว จากนั้นก็เอาโอบามามาขู่ผมอีก ผมก็แค่ตอบไปว่ามันเรื่องอะไรของพวกคุณหรือ?”
“ตอนนี้ผมกลายเป็นคนดังด้วยซ้ำ หลังจากที่ด่าผู้นำของพวกเขาว่าลูกกะหรี่ พวกคุณมันลูกกะหรี่ทั้งนั้น”
ดูเตอร์เต มีกำหนดพบปะหารือกับนางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของพม่าในช่วงบ่ายวันนี้ (20) ก่อนจะเข้าพบและดื่มน้ำชาร่วมกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เนื่องในโอกาสที่ทั้ง 2 ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 60 ปี
หลังเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนพม่า ผู้นำฟิลิปปินส์จะเดินทางต่อมายังประเทศไทยในช่วงเย็นวันนี้ (20)