ปารีสเผยคนร้ายบุกสนามบินเป็นมุสลิม หวังสังหารหมู่อุทิศตนเพื่อ “อัลเลาะห์”

รอยเตอร์ - ทหารฝรั่งเศสวิสามัญชายมุสลิมหัวรุนแรงที่จับทหารหญิงเป็นตัวประกันและพยายามแย่งปืนกลกึ่งอัตโนมัติเพื่อกราดยิงผู้โดยสารในสนามบินออร์ลี ที่กรุงปารีส เมื่อวันเสาร์ (18) เจ้าหน้าที่ต้องอพยพคนออกจากสนามบินที่มีผู้ใช้บริการแน่นขนัดที่สุดอันดับ 2 ของฝรั่งเศส รวมถึงทำให้เรื่องความมั่นคงกลับมาเป็นประเด็นร้อนในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีแดนน้ำหอมอีกหน

ฟรังซัวส์ โมแลงส์ อัยการปารีส แถลงว่า ผู้ก่อเหตุที่มีชื่อว่า “ไซเยด เบน เบลกาเซ็ม” ได้เดินทางถึงสนามบินออร์ลีเมื่อเช้าวันเสาร์ เบลกาเซ็มโยนกระเป๋าบรรจุกระป๋องน้ำมันลงบนพื้น แล้วคว้าตัวทหารหญิงที่อยู่ระหว่างการตรวจตราภายในสนามบินเป็นโล่ป้องกัน พร้อมใช้ปืนอัดลมจี้ที่ศีรษะทหารหญิงนายดังกล่าวและตะโกนให้ทหารนายอื่นๆ วางอาวุธและชูมือขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนประกาศว่า ตนเองไปที่นั่นเพื่อถวายชีวิตแด่พระอัลเลาะห์ และจะต้องมีคนตายจำนวนมาก แต่คนร้ายก็ถูกทหารวิสามัญในที่สุด

อัยการปารีสระบุ ภาพจากกล้องวงจรปิดชี้ว่า เบลกาเซ็มพยายามแย่งปืนกลกึ่งอัตโนมัติจากทหารหญิง บ่งชี้ว่าต้องการก่อเหตุสังหารหมู่จริง

ตำรวจพบคัมภีร์อัลกุรอานและเงินสด 750 ยูโรในตัวเบลกาเซ็ม และยังพบโคเคนหลายกรัม มีดสปาร์ตา กับเงินต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่งที่บ้านพักของผู้ก่อเหตุรายนี้

สนามบินออร์ลีต้องระงับการให้บริการนานหลายชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทอันดับที่ 2 ของราชวงศ์อังกฤษ และพระชายา เคต ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนปารีส 2 วันในวันเสาร์ ยืนยันตามกำหนดเดิมแม้เกิดเหตุร้ายในสนามบิน

ประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ กล่าวว่า กรณีนี้บ่งชี้ถึงความจำเป็นสำหรับปฏิบัติการรักษาความปลอดภัย “ซองติแนลล์” ที่ริเริ่มขึ้นหลังเหตุโจมตีปารีสปลายปี 2015 และครอบคลุมการส่งกำลังทหารลาดตระเวนตรวจตราสถานการณ์ในสนามบินต่างๆ

เมื่อเดือนที่แล้ว “อับดุลเลาะห์ เรดา อัล-ฮามาห์มี” หนุ่มอียิปต์วัย 29 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ หลังพุ่งเข้าทำร้ายกลุ่มทหารพร้อมตะโกนสรรเสริญพระอัลเลาะห์

โมแลงส์ยังแถลงว่า ขณะที่กำลังสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหลายคดี ซึ่งรวมถึงการพยายามฆ่า และเป้าหมายการโจมตีของเบลกาเซ็ม รวมทั้งหลักฐานว่าเขาถูกล้างสมองให้ฝักใฝ่ลัทธิสุดโต่ง สำนักงานอัยการจึงสนับสนุนให้เปิดการสอบสวนคดีก่อการร้าย ซึ่งล่าสุดตำรวจได้ควบคุมตัวพ่อและพี่ชาย และลูกพี่ลูกน้องของเบลกาเซ็มแล้ว

ผู้ก่อเหตุครั้งนี้ที่มีอายุ 39 ปี อยู่ในการติดตามของทางการแดนน้ำหอมอยู่แล้วนับแต่ที่ถูกชักนำให้กลายเป็นมุสลิมหัวรุนแรงระหว่างรับโทษในเรือนจำเมื่อหลายปีที่ก่อน จากข้อหาลักลอบค้ายา

นอกจากนี้ ช่วงหลายชั่วโมงก่อนก่อเหตุ เบลกาเซ็มยังได้ใช้ปืนอัดลมยิงตำรวจนายหนึ่งบาดเจ็บ ตอนถูกเรียกให้จอดรถที่ด่านตรวจปกติทางตอนเหนือของปารีส

จากนั้นเขาก็หนีจากที่เกิดเหตุ แล้วโทร.หาพ่อกับพี่ชายเพื่อเล่าว่าตัวเองทำเรื่องโง่เง่าไปแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องอะไร ก่อนจะเข้าไปในบาร์แห่งหนึ่งในอีกฟากของปารีส แล้วใช้ปืนอัดลมกราดยิง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นจึงขโมยรถคันหนึ่งและไปที่สนามบิน

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตกว่า 230 รายในฝรั่งเศสจากผู้โจมตีที่เป็นสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งรวมถึงเหตุระเบิดและกราดยิงในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 ในปารีสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 130 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

การโจมตีครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นระหว่างที่ฝรั่งเศสอยู่ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นสองรอบในเดือนเมษายนและพฤษภาคมนั้น ทำให้เหตุรุนแรงและการก่อการร้ายกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองอีกครั้ง

ฟรังซัวส์ ฟียง ผู้สมัครสายอนุรักษนิยม ประกาศว่า ฝรั่งเศสอยู่ใน “สถานการณ์สงครามกลางเมืองเสมือน” และไม่มีเหตุผลในการยกเลิกภาวะฉุกเฉินที่บังคับใช้นับจากเหตุโจมตีในเดือนพฤศจิกายน 2015 หลังจากสัปดาห์ที่แล้วรัฐมนตรียุติธรรมกล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันเอื้อให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว

มารีน เลอเปน ผู้สมัครลงเลือกตั้งที่มีแนวคิดขวาจัด ซึ่งชูนโยบายต่อต้านคนเข้าเมืองและต่อต้านอียู กล่าวว่า การสังหารผู้ก่อเหตุในสนามบินออร์ลี ซึ่งเธอเรียกว่าเป็นผู้กระทำความผิดซ้ำซากนั้น ช่วยตัดความเป็นไปได้ในการเกิดเหตุสังหารหมู่ พร้อมโจมตีรัฐบาลชุดปัจจุบันอ่อนแอไร้ประสิทธิภาพ มึนงง และกลัวจนทำอะไรไม่ถูก