เอพี/เอเจนซีส์ - ไต้หวันประกาศแผนปรับปรุงฝูงบินรบ F-16 ที่มีอยู่ ให้เปลี่ยนเป็นเครื่องบินรบล่องหน สเตลท์ ของสหรัฐฯ แทน หลังเห็นภัยคุกคามทางการทหารของปักกิ่งเพิ่มมากขึ้น เอพีชี้
เอพีรายงานวันนี้ (17 มี.ค.) ว่า เป็นที่ฮือฮาถึงแผนการปรับปรุงแบบยกเครื่องของกองทัพไต้หวันล่าสุด โดยในวันพฤหัสบดี (16) รัฐมนตรีกลาโหมไต้หวัน เฟิง ฉี-กวน (Feng Shih-kuan) ได้กล่าวต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาไต้หวันว่า แผนการทางกลาโหมของไต้หวันนั้น ***ต้องมีค่าใช้จ่ายถูกที่สุด แต่มีประสิทธิภาพทางการทหารอย่างจับต้องได้ *** ในการสู้ภัยคุกคามทางอากาศ และทางทะเล
เอพีเชื่อว่า หมายถึงเครื่องบินรบที่มีเทคโนโลยีล่องหน โดยสื่อไต้หวันนิวส์ รายงานก่อนหน้านี้ว่า ข่าวรัฐบาลไต้หวันต้องการซื้อเครื่องบินรบสเตลท์เกิดขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เคยประกาศให้คำมั่นว่า จะช่วยเหลือให้ทางไต้หวันมียุทโธปกรณ์ทางการทหารที่ล้ำยุค
ในรายงานของสื่อไต้หวัน กระทรวงกลาโหมไต้หวันเชื่อว่า เครื่องบินรบขับไล่สเตลท์สัญชาติสหรัฐฯนั้นจะสนับสนุนปฎิบัติการกองกำลังทางทะเลและทางบกได้ดี และทางกระทรวงกลาโหมไต้หวันยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อากาศยาน V/STOL ที่มีความสามารถขึ้นลงได้ในแนวดิ่งนั้นมีความจำเป็นในการตอบโต้อย่างฉับพลันที่เกิดจากภัยคุกคามของกองทัพปักกิ่ง
ขณะที่ในปัจจุบันนี้พบว่า กองทัพไต้หวันมีฝูงเครื่องบินรบ F-16 คอยคุ้มกัน
ทั้งนี้ ในการเปิดเผยงบประมาณทางทหารไต้หวัน เอพีรายงานว่า เฟิงระบุตัวเลขการปรับปรุงสูงราว 2.05% ของตัวเลขทางเศรษฐกิจของเกาะไต้หวันเท่านั้น ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหมไต้หวันระบุต่อว่า เขาหวังว่าตัวเลขจะสามารถเพิ่มอาจถึงหลัก 3% ในปีถัดไป
เอพีชี้ต่อว่า การประกาศของรัฐมนตรีกลาโหมเมื่อวานนี้ (16) ออกมาพร้อมกับการเปิดเผยตัวเลขงบประมาณของกระทรวงกลาโหมไต้หวันประจำปีนี้ พบว่าอยู่ที่ 11.4 พันล้านดอลลาร์ เอพีชี้ว่า เป็นการเพิ่มน้อยกว่า 1% จากปีที่ผ่านมา แสดงไปถึงสภาพการตรึงตัวด้านการเงินของรัฐบาลไต้หวันที่ส่วนใหญ่พึงพารายได้จากการส่งออกไฮเทค
การประกาศตัวเลขงบการทหารไต้หวัน ถูกนำไปเทียบกับการเพิ่มงบอีก 7% ประจำปีนี้ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนที่ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะในสัปดาห์นี้ ส่งผลทำให้ตัวเลขงบกระทรวงกลาโหมปักกิ่งประจำปี 2017 อยู่ที่ 151 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นที่ 2 รองแค่จากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในช่วงที่รัฐมนตรีกลาโหมไต้หวันเฟิงแถลงนั้น พล.ท.เจียง เฉิน-ชุง(Chiang Chen-chung) แห่งกองทัพไต้หวัน กล่าวว่า กองกำลังไต้หวันมีศักยภาพในการโจมตีฐานทัพปักกิ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ช่องแคบไต้หวัน ที่มีระยะทาง 160 กม.
เมื่อสอบถามเพิ่มเติมว่า ศักยภาพที่ว่านี้ครอบคลุมไปถึงฐานทัพปักกิ่งที่ควบคุมปฏิบัติการต่อต้านไต้หวัน ตั้งอยู่ห่างออกไปร่วม 1,300 กม.ด้วยหรือไม่ พล.ท.เจียงตอบยืนยันกลับมาว่า “ใช่”
ทั้งนี้ ในรายงานของกระทรวงกลาโหมไต้หวันที่ออกมาทุก 4 ปี ได้เปิดเผยว่า พบว่าเกาะไต้หวันต้องเผชิญหน้าต่อภัยคุกคามจรวดมิสไซล์ทั้งทางอากาศ และทางทะเลเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าจรวดมิสไซล์จำนวนหลายพันลูกของปักกิ่งมีพิกัดตั้งเป้าหันหน้ามาโจมตีไต้หวันทั้งสิ้น
ในรายงานฉบับเดียวกันนี้ กระทรวงกลาโหมไต้หวันยังได้เปิดเผยถึงภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ โดยชี้ว่าปักกิ่งมีเครื่องมือที่สามารถโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ทางการทหารและของพลเรือนไต้หวัน
โดยเอพีกล่าวว่า และในรายงานฉบับนี้ยังกล่าวถึงความคาดหวังของกระทรวงกลาโหมไต้หวัน แต่ไม่เปิดเผยในรายละเอียดที่ว่าในขณะนี้ไต้หวันกำลังมองหาอากาศยานรบที่มีสมรรถนะบินขึ้นลงในแนวดิ่ง พร้อมความสามารถการเผชิญหน้าการโจมตีระบบมิสไซล์แบบภาคพื้นสู่อากาศมากขึ้น ช่วยเสริมสมรรถนะทัพกองเรือรบไต้หวันในปฏิบัติการในประเทศ ให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยเรือดำน้ำ และอากาศยานโจมตีฉับไว