เอเอฟพี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธ (15 มี.ค.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% พร้อมย้ำตัวเลขเงินเฟ้อขยับเข้าใกล้ระดับเป้าหมาย 2 เปอร์เซ็นต์ของเฟดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในถ้อยแถลงแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเดือนมกราคม เฟดไม่ได้แย้มว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิมหรือไม่ หากว่าทำเนียบขาวเดินหน้านโยบายสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในนั้นรวมถึงลดภาษีและโครงการใช้จ่ายต่างๆ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.75 ถึง 1.0% โดยมีผู้คัดค้านเพียง 1 เสียง ซึ่งก็คือ นีล แคชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขามินนีแอโปลิส ที่ต้องการให้ระงับการขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน
“ตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา ขยับเข้าใกล้เป้าหมายระยะยาว 2 เปอร์เซ็นต์ของคณะกรรมาธิการ" ถ้อยแถลงของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ระบุ พร้อมเน้นว่าตลาดแรงงานกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆท่ามกลางการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในระดับปานกลาง
เป็นอีกครั้งที่ FOMC คาดหมายว่าแม้มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้นางจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดเคยพูดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วขึ้น อาจกระตุ้นให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิมก็ตาม
ในการประมาณการเศรษฐกิจรายไตรมาส เหล่าผู้ว่าการธนาคารกลางมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1.4% ในช่วงปลายปี บ่งชี้เป็นนัยว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 2 ครั้ง เหมือนกับที่คาดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้
พวกเขายังคาดหมายด้วยว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะถูกปรับขึ้นสู่ 2.1% ในปีหน้า ซึ่งนั่นหมายความว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปี 2018
การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นไปตามที่พวกนักเศรษฐศาสตร์คาดหมายไว้ จากสัญญาณการจ้างงานที่ดีขึ้นและตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ความสนใจก่อนหน้าการประชุม 2 วันของ FOMC อยู่ที่ว่าธนาคารกลางแห่งนี้จะรู้สึกกดดันต้องปรับเพิ่มดอกเบี้ยมากกว่าที่กะเก็งกันหรือไม่ในปีนี้
ในการประชุมหนสุดท้ายของปีเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 ทศวรรษ แต่เน้นย้ำว่ายังพบเห็นความไม่แน่นอนห้อมล้อมแนวโน้มทางเศรษฐกิจ ขณะที่รายละเอียดของโปรแกรมกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ก็ยังไม่ชัดเจน
ด้วยตัวเลขคนว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำอยู่ก่อนแล้วและอัตราเงินเฟ้อก็เริ่มดีดขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนกังวลว่าโครงการใหญ่ๆของรัฐบาลอาจเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปและส่งให้ราคาพุ่งสูง ซึ่งนั่นอาจทำให้เฟดต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม และมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ เยลเลน มีปัญหาขัดแย้งกับทรัมป์
เหล่าสมาชิกของเฟดคาดหมายว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะขยายตัวเหมือนกับที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้คือ 2.1% ในปีนี้และปีหน้า ด้วยอัตราคนว่างงานอยู่ที่ 4.5% ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อจะทรงตัวอยู่ที่ 1.9% ในปีนี้และขยับสู่ 2.0% ในปี 2018 ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของเฟด