เอเจนซีส์ - ผู้บัญชาการเหล่าทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประกาศในการให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา เมื่อวันอังคาร (14 มี.ค.) ว่า จะนำตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแชร์ภาพนู้ดทหารหญิงบนโลกออนไลน์มารับผิดชอบ พร้อมลั่นปากต้องล้างบางวัฒนธรรมนาวิกโยธิน แต่ถูกวุฒิสมาชิกท้าทายว่า จะเชื่อได้อย่างไรในเมื่อกองทัพนิ่งดูดายกับเรื่องอื้อฉาวลักษณะนี้ ทั้งที่เป็นที่โจษจันกันมาแรมปี
สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานข่าวครึกโครมเรื่องที่นาวิกโยธินอเมริกัน ทั้งที่ยังรับราชการอยู่ และที่ออกไปแล้ว แชร์ภาพเปลือยของทหารหญิงบนเฟซบุ๊กในกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “มารีนส์ ยูไนเต็ด” รวมทั้งบนแมสเสจบอร์ดอีกหลายแห่ง โดยที่มีการใช้ถ้อยคำหยาบโลนก้าวร้าวด้วย ถึงแม้มีการระบุว่า พฤติการณ์เช่นนี้ยังปรากฏในเหล่าทัพอื่นๆ ไม่ใช่เฉพาะนาวิกโยธิน แต่ก็กระตุ้นให้กองทัพเรือที่เป็นต้นสังกัดต้องเปิดฉากสอบสวน
พลเอก โรเบิร์ต เนลเลอร์ ผู้บัญชาการเหล่าทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ แถลงต่อคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภา เมื่อวันอังคาร (14) โดยให้สัญญาว่า จะนำตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการปล่อยภาพเปลือยทหารหญิงมารับผิดชอบ ไม่ว่าจะด้วยกฎหมาย หรือวิธีการอื่นใดก็ตาม
เนลเลอร์ ยังประกาศว่า จะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในหน่วยนาวิกโยธิน ซึ่งต้องมีการปรับปรุงตั้งแต่ระดับผู้นำลงมา พฤติกรรมการสื่อสารที่เหมาะสม และย้ำว่า หน่วยนาวิกโยธินจะต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ผู้บัญชาการเหล่าทหารนาวิกโยธิน เสริมว่า ขณะนี้มีเหยื่อเพียงไม่กี่คนที่ออกมาร้องเรียน พร้อมเรียกร้องให้ทหารหญิงที่ถูกล่วงละเมิดออกมาแสดงตัวมากขึ้น รวมถึงขอให้ผู้ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้แจ้งผู้บังคับบัญชา อนุศาสนาจารย์ หรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย
ทว่า คำสัญญาดังกล่าวกลับถูกท้าทายจากวุฒิสมาชิกหญิงในคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภา อาทิ คริสเตน กิลลิแบรนด์ จากนิวยอร์ก สังกัดพรรคเดโมแครต ที่ตั้งข้อสังเกตว่า กองทัพไม่ได้จัดการอย่างจริงจังเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศที่มีมายาวนาน เช่น การกล่าวหาในลักษณะคล้ายกันนี้ต่อหน่วยนาวิกโยธินในปี 2013
“นี่เป็นปัญหาร้ายแรงมาก เพราะขณะที่ทหารของเราเหยียบย่ำศักดิ์ศรีนาวิกโยธินหญิงที่อุทิศชีวิตเพื่อประเทศชาติ แต่บรรดาผู้นำในกองทัพกลับเงียบกริบ” กิลลิแบรนด์ ย้ำว่า ถ้าสืบสาวจากเฟซบุ๊กไม่ได้ แล้วอเมริกาจะเผชิญหน้ากับการรุกรานและการรุกล้ำทางไซเบอร์ของรัสเซียได้อย่างไร
จีน ชาฮีน วุฒิสมาชิกจากนิวแฮมป์เชียร์ พรรคเดโมแครต ขานรับว่า จะเชื่อได้อย่างไรว่า ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับที่แล้วๆ มา
เหล่าวุฒิสมาชิกยังระบุว่า หน่วยนาวิกโยธินยังมีความแตกแยกที่สืบเนื่องมาจากการอนุญาตให้ทหารหญิงร่วมภารกิจการสู้รบในปี 2015 ซึ่งขณะนั้นนาวิกโยธินเป็นเหล่าทัพเดียวที่ไม่ต้องการให้มีทหารหญิงในส่วนกำลังรบ โดยอ้างผลการศึกษาหลายฉบับที่แสดงให้เห็นว่า หน่วยที่มีทั้งทหารหญิงและชายมีศักยภาพด้อยลง
ทว่า แอช คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมในยุคนั้น ปฏิเสธคำขอของนาวิกโยธิน ส่งผลให้จนถึงขณะนี้ทหารหญิงสามารถร่วมกำลังรบได้หากมีคุณสมบัติตามเกณฑ์
หน่วยนาวิกโยธินยังเป็นเหล่าทัพเดียวที่แยกทหารหญิงและทหารชายในการฝึกขั้นพื้นฐาน ซึ่งประเด็นนี้วุฒิสมาชิกได้สอบถามว่า สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ และ เนลเลอร์ ตอบว่า หน่วยนาวิกโยธินกำลังพิจารณาอยู่
นอกจากเนลเลอร์แล้ว ยังมี ฌอน สแตคลีย์ รักษาการรัฐมนตรีทบวงทหารเรือ ที่แถลงต่อคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภา โดยยอมรับว่า การเผยแพร่ภาพเปลือยบนเฟซบุ๊กอาจเป็นปัญหาต่อการรับสมัครบุคลากรหญิงของกองทัพ และสำทับว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมภายในหน่วยนาวิกโยธิน และว่า แม้นี่จะเป็นคำพูดที่ซ้ำซาก แต่เป็นคำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่จะให้ได้ในขณะนี้
เหล่านาวิกโยธินมีทหารหญิงเพียง 7 - 8% ซึ่งถือเป็นเหล่าทัพที่มีทหารหญิงเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำที่สุดในบรรดาเหล่าทัพสังกัดกระทรวงกลาโหม
สแตคลีย์ ยังบอกอีกว่า หน่วยสืบสวนอาชญากรรมกองทัพเรือ (เอ็นซีไอเอส) กำลังสอบสวนเรื่องอื้อฉาวนี้ และที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์แจ้งเบาะแสมากกว่า 50 สาย ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบเว็บไซต์ต่างๆ
เอ็นซีไอเอสเป็นเพียงหน่วยงานเดียวที่เปิดการสอบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ขณะที่กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ระบุเพียงว่า กำลังพิจารณากรณีฉาวนี้อยู่
ทั้งนี้ ตามรายงานที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มารีนส์ ยูไนเต็ด มีสมาชิกราว 30,000 คน และขณะนี้ถูกปิดไปแล้ว โดยผู้ที่ค้นพบกิจกรรมบนเฟซบุ๊กของกลุ่มนี้คือ เดอะ วอร์ ฮอร์ส องค์กรข่าวที่ไม่หวังผลกำไร และดำเนินการโดยอดีตนาวิกโยธิน โทมัส เบรนแนน
เดอะ วอร์ ฮอร์ส ระบุว่า สมาชิกมารีนส์ ยูไนเต็ด จะถูกปลุกเร้าให้ช่วยกันค้นหาและนำภาพเปลือยทหารหญิงไปอัปโหลดบนเว็บไซต์ ที่สำคัญ ยังมีการระบุทั้งชื่อและต้นสังกัดของทหารหญิงเหล่านั้น
การแชร์ภาพเปลือยเริ่มต้นขึ้นในเดือนเดียวกับที่หน่วยทหารราบของเหล่านาวิกโยธินเริ่มเปิดรับสมัครทหารหญิง
อย่างไรก็ตาม ทั้ง เนลเลอร์ และ สแตคลีย์ กล่าวถึงความท้าทายทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับทหารสำหรับพฤติกรรมออนไลน์ ซึ่งได้รับการปกป้องจากกฎหมายความเป็นส่วนตัว หรือกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
ทว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภาแนะนำให้แก้ไขกฎข้อบังคับเพื่อให้ “การแก้แค้นด้วยการเผยแพร่ภาพอนาจาร” เป็นการกระทำผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายของกองทัพ
มีรายงานด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า คณะอนุกรรมการบุคลากรทหารของสภาผู้แทนราษฎร จะเรียกตัวแทนจากทุกเหล่าทัพเข้าร่วมหารือนโยบายเกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย และความเป็นไปได้ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงต่างๆ