xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ระบุ จีนไม่อยากเห็น “สงครามการค้า” กับสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนกล่าวในวันนี้ (15) ว่า ปักกิ่งไม่ต้องการเห็นสงครามการค้ากับสหรัฐฯและเรียกร้องให้มีการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน

“เราไม่ต้องการเห็นสงครามการค้าใดๆ เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ นั่นจะไม่ทำให้การค้าของเราเจริญรุ่งเรืองขึ้น” หลี่ กล่าวในการแถลงข่าวประจำปีในช่วงปิดการประชุมรัฐสภาประจำปีของจีน

“ความหวังของฝ่ายจีนคือไม่ว่าความสัมพันธ์ของเราจะเจอกับอะไร เราหวังว่ามันจะยังคงก้าวหน้าต่อไปในวิถีทางที่ดี” เขากล่าว

“เรามีวิธีการทางยุทธศาสตร์ต่างกัน แต่ผมเชื่อว่าไม่ว่าเราจะมีความต่างกันเพียงใดรเราก็สามารถนั่งลงและพูดคุยกันเพื่อร่วมมือกันหาทางออกได้” หลี่กล่าว และเสริมว่า ประเด็นที่ไม่อาจแก้ไขได้ในทันทีก็ควรเก็บไว้ก่อน

สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนจะพบกันในฟลอริดาในเดือนหน้า

ทรัมป์กล่าวโจมตีจีนในประเด็นต่างๆ ไล่ตั้งแต่การค้าไปจนถึงทะเลจีนใต้และหาว่าจีนไม่ยอมใช้อิทธิพลควบคุมเกาหลีเหนือซึ่งครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

เมื่อเดือนที่แล้วทรัมป์จัดการพูดคุยตัวต่อตัวครั้งแรกกับ หยาง เจียฉี ทูตระดับสูงที่มีตำแหน่งสูงกว่ารัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ หวังอี้ ทำเนียบขาวระบุว่า มันเป็นโอกาสเพื่อหารือเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่มีร่วมกันและนัดหมายการพบปะกับประธานาธิบดีสี

หลี่ยังเน้นย้ำในความคิดเห็นของเขาด้วยว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯอยู่บนรากฐานของการยึดมั่นนโยบายจีนเดียว ซึ่งวอชิงตันต้องยอมรับจุดยืนของจีนที่ว่า จีนมีเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้นและไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน

นโยบายจีนเดียว “ยังคงไม่ถูกสั่นคลอนถึงแม้ว่าสภาพการณ์จะเปลี่ยนไปก็ตาม” และเสริมว่า “รากฐานนี้ไม่อาจถูกบ่อนทำลาย”

ทรัมป์กระตุ้นโทสะปักกิ่งในเดือนธันวาคมด้วยการคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันและระบุว่า สหรัฐฯไม่ต้องยึดถือนโยบายดังกล่าวและระบุอย่างคลุมเครือว่า เขาอาจละทิ้งนโยบายนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงการค้าที่ดีขึ้นกับจีน

ต่อมาทรัมป์ตกลงกับสีผ่านทางโทรศัพท์ว่าจะให้เกียรติ “นโยบายจีนเดียว” ในการส่งเสริมทางการทูตสำหรับปักกิ่งที่ต่อต้านเสียงวิจารณ์การที่พวกเขาอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวันซึ่งปกครองตนเองและเป็นประชาธิปไตยอย่างภาคภูมิ


กำลังโหลดความคิดเห็น