เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – กองกำลังอาวุธของรัฐบาลอิรักประกาศในวันจันทร์ (13 มี.ค.) สามารถยึดพื้นที่จากกลุ่มนักรบญิฮาด “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ได้เพิ่มเติม หลังจากนายพลของหน่วยรบชั้นนำเพิ่งระบุว่าตีซีกตะวันตกเมืองโมซุลกลับคืนมาได้แล้วมากกว่าหนึ่งในสาม ขณะที่ผู้แทนอาวุโสของอเมริกันสำทับว่าเวลานี้นักรบไอเอสในเมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรักแห่งนี้ได้ถูกปิดล้อมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่มีทางหนีรอดออกไปได้ มีแต่จะต้องตายสถานเดียว
โมซุล ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของอิรัก มีแม่น้ำไทกริสไหลผ่ากลางแบ่งเมืองออกเป็น 2 ซีก โดยที่กองกำลังอาวุธต่างๆ ของฝ่ายรัฐบาลอิรัก สามารถชิงซีกตะวันออกของเมืองมาได้แล้ว เหลือแต่ซีกตะวันตกที่มีพื้นที่น้อยกว่าทว่ามีจำนวนประชากรมากกว่า และยังคงเป็นพื้นที่ชุมชนเมืองในเงื้อมมือของกลุ่มไอเอสซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่มากที่สุด โดยที่อันดับ 2 ได้แก่เมืองร็อกเกาะฮ์ ในซีเรีย ซึ่งก็เป็นเป้าหมายสำคัญอีกแห่งหนึ่งในการรณรงค์ทำศึกมุ่งยึดคืนของกองกำลังฝ่ายต่างๆ ที่มุ่งต่อต้านไอเอส
กองบัญชาการยุทธการร่วม (Joint Operations Command) ของอิรักแถลงว่าสามารถยึดพื้นที่ได้เพิ่มมากขึ้นอีกในวันจันทร์ (13) โดยระบุว่า กำลังจาก “กองกำลังต่อต้านการก่อการร้าย” (Counter-Terrorism Service) ที่เป็นหน่วยรบพิเศษชั้นนำของอิรัก เพิ่งตีเขตอัล-นาฟัต ในโมซุลตะวันตกคืนมาได้
พล.ท.ราเอด ชาคีร์ จาว์ดัต ผู้บัญชาการของยุทธการร่วมคราวนี้ บอกว่า ในอีกด้านหนึ่ง กำลังจาก “กองพลตอบโต้เร็ว” (Rapid Response Division) ที่เป็นหน่วยรบพิเศษชั้นนำอีกหน่วยหนึ่ง และกำลังของตำรวจส่วนกลาง (federal police) กำลังออกปฏิบัติการค้นหาและเคลียร์พื้นที่บริเวณขอบของเขตเมืองเก่าโมซุล
กำลังเหล่านี้กำลัง “ปฏิบัติการตรวจค้นอย่างละเอียดในพื้นที่ของเขตบับ อัล-ทูบ ซึ่งได้รับการปลดล่อยแล้ว เพื่อค้นหากับระเบิดต่างๆ ตลอดจนพวกผู้ก่อการร้ายซึ่งกำลังหลบซ่อนปะปนอยู่กับประชาชน” จาว์ดัตระบุในคำแถลง
สำหรับเขตเมืองเก่านั้น เป็นพื้นที่ชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอย่างแออัด ประกอบด้วยถนนแคบๆ หลายสายและพวกอาคารที่มีพื้นที่กว้างขวางอยู่ติดติดกัน ขณะที่เชื่อกันว่ายังมีพลเรือนพำนักอยู่เป็นหลายแสนคน จึงทำให้คาดหมายกันว่าอาจจะเป็นจุดที่เกิดการสู้รบอย่างดุเดือดที่สุดในยุทธการตีเมืองอันดับ 2 ของอิรักกลับคืนจากไอเอสคราวนี้
ผู้บัญชาการผู้นี้แถลงด้วยว่า กองกำลังของอิรักยังกำลังใช้โดรนสังเกตการณ์ติดอาวุธ ออกติดตามและโจมตีพวกไอเอส ขณะที่หน่วยกำลังต่างๆ ใช้ปืนใหญ่สนามและจรวดประเภทต่างๆ ยิงถล่มแนวป้องกันและที่มั่นของพวกไอเอส
ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (12) พลตรีมาอัน อัล-ซาอาดี แห่งกองกำลังต่อต้านการก่อการร้าย ระบุว่าขณะนี้ กองกำลังอาวุธของรัฐบาลได้เข้าควบคุมพื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของโมซุลตะวันตกแล้ว และยังเชื่อว่า การต่อสู้จะง่ายกว่าในโมซุลตะวันออกที่ใช้เวลายึดคืนถึง 100 วันนับจากเริ่มต้นปฏิบัติการในเดือนตุลาคมและขับไล่ไอเอสออกไปได้ในปลายเดือนมกราคม
ขณะเดียวกัน พลจัตวายาห์ยา ราซุล โฆษกกองบัญชายุทธการร่วม แสดงความเชื่อมั่นว่า ไอเอสกำลังอ่อนแอลง โดยมีทั้งกำลังพลและอาวุธน้อยกว่ากองทัพอิรัก กระนั้น การสู้รบคงไม่ราบรื่นง่ายดาย เนื่องจากศัตรูไม่ใช่กองกำลังปกติ แต่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มพลเมืองและใช้เทคนิคทุ่นระเบิด ระเบิด มือระเบิดฆ่าตัวตาย ปืนครก และมือปืนซุ่มยิง ขณะที่กองกำลังอิรักและพันธมิตรต้องใช้ความแม่นยำสูงเพื่อปกป้องชีวิตประชาชน ซึ่งเชื่อว่า ยังติดอยู่ในพื้นที่ควบคุมของไอเอสในเมืองโมซุลถึง 600,000 คน
ทางด้าน เบรตต์ แมคเกิร์ก เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ ในกองกำลังพันธมิตรต่อต้านกลุ่มไอเอส แถลงกับผู้สื่อข่าวในกรุงแบกแดดเมื่อวันอาทิตย์ (12) ว่า กองพลที่ 9 ของกองทัพบกอิรักได้ตัดขาดถนนเส้นสุดท้ายที่ติดต่อกับโลกภายนอกของเมืองโมซุลได้แล้วเมื่อคืนวันเสาร์ (11) ส่งผลให้นักรบไอเอสถูกล้อมอยู่ภายในเมืองและจะต้องตายในที่สุด
“เราไม่ได้แค่มุ่งมั่นเอาชนะพวกไอเอสที่ยังเหลืออยู่ในโมซุลเท่านั้น แต่เรายังทำให้มั่นใจว่า นักรบเหล่านั้นไม่มีทางหนีรอดไปได้” แมคเกิร์กประกาศ
นักรบญิฮาดกลุ่มนี้เข้ายึดโมซุล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก ตั้งแต่กลางปี 2014 และขยายเข้าควบคุมพื้นที่กว้างขวางทางเหนือและตะวันตกของแบกแดด พร้อมประกาศสถาปนา “รัฐอิสลาม” ที่ครอบคลุมดินแดนที่ยึดครองในอิรัก และข้ามพรมแดนเข้าไปในซีเรีย
อย่างไรก็ตาม กองกำลังอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากการโจมตีทางอากาศของอเมริกาและพันธมิตร สามารถยึดคืนพื้นที่ได้ถึง 60% ล่าสุดคือปฏิบัติการชิงคืนเมืองโมซุล ซึ่งเป็นที่มั่นใหญ่แห่งสุดท้ายของไอเอสในอิรัก โดยขณะนี้กองกำลังของแบกแดดได้เข้าควบคุมพื้นที่ฝั่งตะวันออกทั้งหมด และจากการผลักดันระลอกล่าสุดที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 5 เดือนนี้ ยังทำให้ไอเอสล่าถอยจากที่ตั้งสำคัญในฝั่งตะวันตก ซึ่งรวมถึงอาคารศูนย์ราชการของรัฐบาลท้องถิ่นและพิพิธภัณฑ์โมซุล
แมคเกิร์กระบุว่า เวลานี้เชื่อว่านักรบไอเอสกำลังล้มหายตายจากไปด้วยอัตรารวดเร็วกว่าที่กลุ่มก่อการร้ายนี้จะสามารถส่งนักรบใหม่ๆ มาเสริมทัน สภาพเช่นนี้เพียงเมื่อสัก 1 ปีก่อนก็ยังไม่เกิดขึ้น เขาให้ตัวเลขพวกระดับผู้นำของไอเอสที่ล้มตายไปว่ามีจำนวนราว 180 คน และยังบอกว่า กลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯได้ฝึกกองกำลังความมั่นคงของอิรักขึ้นมาเกือบ 9,000 คน
ไม่เพียงเฉพาะที่อิรัก แมคเกิร์กบอกว่า ที่ซีเรีย กองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯก็หนุนหลังแนวร่วมกองกำลังอาวุธชาวอาหรับและชาวเคิร์ด ที่ใช้ชื่อว่า กองกำลังประชาธิปไตยชาวซีเรีย (Syrian Democratic Forces หรือ SDF) ซึ่งเดินหน้าบุกเข้าตีเมืองร็อกเกาะฮ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงในทางพฤตินัยของไอเอส
“ร็อกเกาะฮ์ยังคงเป็นเมืองหลวงทางการบริหารของพวกเขา (ไอเอส) นี่เป็นสถานที่ซึ่งพวกเราคิดว่าผู้นำจำนวนมากของพวกเขาอยู่กันที่นี่ เป็นสถานที่ซึ่งพวกเราคิดว่าพวกเขากำลังวางแผนก่อการโจมตีจำนวนมากในทั่วโลกจากที่นี่” แมคเกิร์ก กล่าว
กองกำลังต่อต้านไอเอสมุ่งหน้าสู่ร็อกเกาะฮ์
เมื่อวันอาทิตย์ (12) กองกำลัง SDF ได้ทำการสู้รบอย่างดุเดือดกับพวกนักรบญิฮาดไอเอส ทางด้านตะวันออกของร็อกเกาะฮ์ รอบๆ หมู่บ้านคาส อาจิล กลุ่มชาวซีเรียผู้สังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษย์ แถลง โดยระบุด้วยว่ากองกำลังแนวร่วมระหว่างชาวอาหรับกับชาวเคิร์ดในซีเรียกลุ่มนี้ สามารถเข้าควบคุมหมู่บ้านได้ 5 แห่ง และกำลังบุกคืบหน้าไปอย่างช้าๆ
ขณะเดียวกัน มีพลเรือน 8 คนอยู่ในจำนวนผู้ที่ถูกสังหารไปทั้งสิ้น 19 คน จากการถล่มโจมตีทางอากาศซึ่งสงสัยกันว่าเป็นฝีมือของกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ณ บริเวณห่างจากร็อกเกาะฮ์ไปทางใต้ราว 4 กิโลเมตร
ไม่เพียง SDF เท่านั้น กองกำลังกบฎชาวซีเรียที่นำโดยตุรกีก็กำลังบุกตีไอเอสลงมาจากภาคเหนือของซีเรีย เช่นเดียวกับกองทหารรัฐบาลที่สนับสนุนโดยรัสเซีย
กลุ่มชาวซีเรียผู้สังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษย์รายงานด้วยว่า เกิดการสู้รบในจังหวัดอเลปโป ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของซีเรีย โดยที่กองกำลังไอเอสบีบบังคับให้ทหารรัฐบาลต้องถอยออกมาจากบริเวณด้านนอกของสนามบินทหารจาร์เราะห์
กลุ่มนี้ระบุว่า ฝ่ายรัสเซียและฝ่ายซีเรียได้โจมตีทางอากาศใส่พื้นที่หลายแห่งซึ่งไอเอสยึดครองอยู่ในจังหวัดนี้ ทำให้มีพลเรือน 8 คนซึ่งส่วนใหญ่มาจากครอบครัวเดียวกัน ถูกสังหารจากการโจมตีใส่หมู่บ้านมัสคานาห์