เอเจนซีส์ - อดีตที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวที่ถูกไล่ออก ไมค์ ฟลินน์ ถูกเปิดโปงทำงานเป็นตัวแทนต่างชาติล็อบบี้ให้กับรัฐบาลตุรกี รับเงินไปแล้ว 530,000 ดอลลาร์ ในระหว่างรับฟังรายงานข่าวกรองลับร่วมกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
NBC NEWS สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) ว่า รายงานหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เปิดเผยล่าสุดพบว่า ไมค์ ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาว ได้ร่วมเข้ารับฟังรายงานสรุปลับข่าวกรองสหรัฐฯ ร่วมกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะนั้น ทั้งๆ ที่ฟลินน์รับเงินเป็นล็อบบี้ยิสต์ ตัวแทนให้กับรัฐบาลตุรกีของประธานาธิบดี เรเซป เตย์ยิป เออร์โดวาน ได้รับเงินไม่ต่ำกว่าครึ่งล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ พบว่าฟลินน์นั้นมีสัญญาการทำงานเป็นตัวแทนให้กับต่างชาติ ที่เรียกว่าล็อบบี้ยิสต์ โดยเดลีคอลลา สื่อการเมืองอเมริกันรายงานในวันเดียวกันว่า พลเอกกองทัพสหรัฐฯ ที่ปลดเกษียณรายนี้ได้รับไปแล้วเป็นค่าตอบแทนด้วยสนนตัวเลข 530,000 ดอลลาร์จากสัญญามูลค่า 600,000 ดอลลาร์ที่ทำข้อตกลงลงนามในวันที่ 9 ส.ค. 2016 ซึ่งยังคงเป็นช่วงระหว่างหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเป็นสัญญาระหว่างบริษัทที่ปรึกษาของตัวเขาเอง ฟลินน์ อินเทล กรุ๊ป (Flynn Intel Group) และบริษัทบังหน้าสัญชาติดัตช์ อิโนโว บีวี ( Inovo BV) ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลตุรกี อ้างอิงจากเอกสารหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
เดลีคอลลาเปิดเผยต่อว่า ข้อตกลงที่จ่ายครอบคลุม 3 เดือนระบุว่า ฟลินน์ตกลงที่จะจัดตั้งสำนักงานสอบสวนพิเศษ ที่ต้องใช้บุคลากรเชี่ยวชาญประกอบไปด้วยบรรดาอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ที่รวมไปถึงอดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ CIA ในหน้าที่เพื่อโปรเจกต์สำหรับการสอบสวนและวิจัย และการระบุความผิดทางอาญาที่เรียกว่า Criminal Referral ให้กับบริษัทบังหน้าสัญชาติดัตช์แห่งนี้
แต่ทว่าเป็นที่น่าสงสัยว่า “งานสอบสวน” ที่หน่วยงานใหม่นี้ต้องรับผิดชอบกลับพุ่งเป้าไปที่ศัตรูหมายเลข 1 ของเออร์โดวาน ศาสนจารย์ ฟัตฮุลลอฮ์ กูเลน ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการลี้ภัยในสหรัฐฯ แต่ถูกอังการาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหารโค่นประธานาธิบดีตุรกีในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา
ด้าน อาร์. เจมส์ วูลเซย์ (R. James Woolsey) อดีตผู้อำนวยการใหญ่ CIA ที่มีชื่อถูกระบุในสัญญาในฐานะเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานแล็บสอบสวนพิเศษใหม่ที่ฟลินน์มีข้อตกลงต้องจัดตั้งขึ้น ได้ออกมาปฏิเสธไม่รับทราบ และยังปฏิเสธไม่เคยตกลงที่จะยอมรับทำงานตามที่อ้างในสัญญาฉบับนี้
เดลีคอลลารายงานต่อว่า บริษัทที่ปรึกษาของฟลินน์ “ฟลินน์ อินเทล กรุ๊ป” ปิดตัวลงในเดือนพฤศจิกายน 2016 ก่อนวันผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมา โดยปิดลงหลังจากที่ ไมค์ ฟลินน์ ยอมรับปากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้นว่า เขาจะยินดีรับตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ และสามารถเข้าถึงชั้นความลับสูงสุดของสหรัฐฯ
โดยในการเปิดเผยจากการที่อดีตบริษัทที่ปรึกษาของเขาได้ยื่นเรื่องไปยังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในวันพุธ (7 มี.ค.) เพื่อยื่นขอจดทะเบียนภายใต้กฎหมายเอเจนต์ต่างชาติให้กับตุรกี สำหรับสัญญา 3 เดือนข้อตกลงมูลค่า 600,000 ดอลลาร์ ที่ได้รับจากอิโนโว บีวี โดยบริษัทแห่งนี้อ้างว่าได้จ่ายไปแล้วให้ฟลินน์จำนวน 530,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ บริษัทบังหน้าสัญชาติดัตช์นี้ถูกพบว่าจดทะเบียนมีเจ้าของเพียงคนเดียวคือ เอคิม อัลป์เตกิน (Ekim Alptekin) ประธานสภาธุรกิจตุรกี-สหรัฐฯ TAIK กลุ่มผลประโยชน์ทางการค้าที่อยู่ใต้บังเหียนมากขึ้นของรัฐบาลเออร์โดวาน และในข้อตกลงสัญญา เดลีคอลลาชี้ว่า งานของบริษัทสอบสวนพิเศษที่ฟลินน์ตั้งขึ้นนั้นเพื่อต้องการ “หาข้อมูลใหม่” สำหรับโปรเจกต์ และทำการวิเคราะห์ รวมไปถึงจัดทำ และเสนออย่างเป็นมืออาชีพที่ดูน่าเชื่อถือ รวมไปถึงทำให้ง่ายต่อการเผยแพร่ไปทั่ว
NBC NEWS รายงานเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม พบว่าฟลินน์เลิกทำหน้าที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับตุรกี หลังจากที่เขารับตำแหน่งที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว แต่กลับพบว่าอดีตนายพลสหรัฐฯผู้นี้ยังคงมีบทบาทในการจัดทำนโยบายความมั่นคงเอียงข้างตุรกี ในขณะที่นายของฟลินน์ ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศให้คำมั่นจะกวาดล้างบรรดาล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติให้หมดไปจากวอชิงตัน
โดยในเอกสารของบริษัทที่ปรึกษาฟลินน์ที่ยื่นต่อกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่าในวันที่ 19 ก.ย. 2016 อัลป์เตกินได้นำเจ้าหน้าที่รัฐบาลตุรกีมาพบกับเจ้าหน้าที่บริษัทที่ปรึกษาของฟลินน์ในที่ประชุม ซึ่งในการยื่นคำร้องของบริษัทฟลินน์ อินเทล กรุ๊ป ในเอกสารอ้างว่า ทางบริษัทต้องการเปลี่ยนมาจดทะเบียน “ตัวแทนต่างชาติ” หรือล็อบบี้ยิสต์ เพื่อป้องกันการสับสน จากการที่ถึงแม้ว่าทางบริษัทมีข้อตกลงกับบริษัทเอกชน แต่ทว่าการทำงานให้กับบริษัทอิโนโว บีวีอาจจะเข้าข่ายการทำเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลต่างชาติ ซึ่งคือ รัฐบาลตุรกี
และพบว่าในช่วงตลอดฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ฟลินน์ได้เข้ารับฟังรายงานสรุปข่าวกรองความมั่นคงสหรัฐฯ ร่วมกับทรัมป์ NBC NEWS รายงาน
แต่อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ (10 มี.ค.) ที่ผ่านมา ฌอน สไปเซอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธ โดยอ้างว่าทรัมป์ไม่รู้เรื่องที่ฟลินน์แอบทำงานเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับตุรกีจนกระทั่งมีการเปิดเผยในช่วงกลางสัปดาห์ อ้างอิงจากการรายงานของรอยเตอร์
