เอเอฟพี - ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้พิพากษาถอดถอนประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย พ้นจากตำแหน่งแล้วในวันนี้ (10 มี.ค.) โดยเป็นการรับรองมติของรัฐสภาที่ยื่นฟ้องให้ปลดผู้นำหญิงจากคดีคอร์รัปชันฉาว และการใช้อำนาจโดยมิชอบที่สั่นคลอนการเมืองแดนโสมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
คำตัดสินอย่างเป็นเอกฉันท์ของคณะผู้พิพากษาช่วยปิดฉากความวุ่นวายทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน และหลังจากนี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่จะมีขึ้นภายใน 60 วัน
ลี จุงมี หัวหน้าผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า พฤติกรรมของพัค “ถือเป็นการบั่นทอนจิตวิญญาณประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง”
“ศาลเห็นสมควรให้ถอนถอดประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ออกจากตำแหน่ง”
หลังจากที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้เมื่อปี 2013 วันนี้ พัค กึน-ฮเย กลับกลายเป็นผู้นำโสมขาวคนแรกที่ถูกขับพ้นตำแหน่ง โดยเธอจะต้องเก็บข้าวของออกจาก “ทำเนียบสีน้ำเงิน” และสูญเสียความคุ้มกันจากการถูกดำเนินคดี
บรรดาผู้สนับสนุนและต่อต้าน พัค ต่างเกาะติดหน้าจอโทรทัศน์เพื่อรอฟังผลการชี้ชะตาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษานานกว่า 20 นาที
ศาลชี้ว่า พัค ได้กระทำผิดกฎหมายโดยการอนุญาตให้ ชอย ซุนซิล เพื่อนหญิงคนสนิท เข้ามาก้าวก่ายการบริหารประเทศ และยังฝ่าฝืนกฎระเบียบของข้าราชการอีกด้วย
“การฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายของประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ถือเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน” ผู้พิพากษาลีกล่าว
“ประธานาธิบดีมีหน้าที่ใช้อำนาจตามขอบเขตที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายระบุไว้ และต้องเปิดเผยรายละเอียดของการทำงานอย่างโปร่งใส เพื่อให้สาธารณชนได้มีสิทธิ์ประเมินผลงานของเธอ” ผู้พิพากษาลีกล่าว
“แต่ประธานาธิบดีพัคกลับพยายามปกปิดเรื่องที่ ชอย ก้าวก่ายกิจการของรัฐ และยังปฏิเสธเสียงแข็งทุกครั้งที่มีผู้ตั้งคำถาม มิหนำซ้ำยังวิพากษ์วิจารณ์คนเหล่านั้นด้วย”
ทนายของพัคคนหนึ่งยอมรับว่ารู้สึก “ผิดหวังอย่างยิ่ง” ต่อคำพิพากษาของศาล
ส.ส.ควอน ซยอง-ดอง ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสั่งฟ้องของรัฐสภา ชี้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการธำรงไว้ซึ่ง “หลักนิติธรรม ซึ่งพลเมืองทุกคนรวมถึงประธานาธิบดีจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมในทางกฎหมาย”
พัค ซึ่งเป็นบุตรสาวของอดีตผู้นำเผด็จการ พัค จุงฮี เคยชนะศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2012 ด้วยคะแนนโหวตสูงยิ่งกว่าผู้สมัครคนใดๆ ในยุคประชาธิปไตย ทว่าบุคลิกที่เย็นชาและข่าวลืออื้อฉาวเกี่ยวกับตัวเธอ บวกกับปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คะแนนนิยมของเธอลดฮวบในช่วงปีหลังๆ และกรณีของ ชอย ซุนซิล ก็กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนเกาหลีใต้นับล้านๆ ตัดสินใจออกมาขับไล่ผู้นำหญิงรายนี้
ตำรวจได้ตรึงกำลังป้องกันเหตุวุ่นวายบริเวณรอบๆ ทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้านการถอดถอน พัค มาชุมนุมกันในวันนี้ (10)
“ผมพร้อมที่จะสละเลือดลงบนถนนสายนี้ เพื่อปกป้องประชาธิปไตยเสรี” แบ ซู-ร็อก นายทหารนอกราชการวัย 58 ปี ซึ่งแต่งเครื่องแบบนาวิกโยธินเกาหลีใต้มาให้กำลังใจ พัค ให้สัมภาษณ์
“ประธานาธิบดีพัคกำลังถูกจับไปบูชายัญในศาลเถื่อน” แบ กล่าว
ด้านกลุ่มพลเมืองที่ต่อต้านประธานาธิบดีก็ร้องตะโกนว่า “การถอดถอนพัค กึน-ฮเย จะเป็นชัยชนะของทุกคน”
ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ชาวเกาหลีใต้ร้อยละ 77 เห็นด้วยกับการถอดถอน พัค
ผู้นำหญิงรายนี้เคยออกมากล่าวขออภัยต่อประชาชนหลายครั้ง แต่ในคำแถลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรที่เธอยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ. พัคยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
“ดิฉันไม่เคยแสวงหาประโยชน์เข้าตัว หรือใช้อำนาจประธานาธิบดีไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ศาลโปรดตัดสินอย่างรอบคอบด้วย” เธอกล่าว
ด้าน ชอย ซุนซิล ยังอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ และอ้างเส้นสายประธานาธิบดีข่มขู่รีดเงินจากกลุ่มบริษัทใหญ่ๆ
สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งผู้สมัครที่มีภาษีดีที่สุดในขณะนี้ก็คือ มุน แจ-อิน อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เดโมเครติก ปาร์ตี โดยผลสำรวจของเรียลมิเตอร์เมื่อวานนี้ (9) พบว่าเขามีคะแนนนิยมอยู่ราวๆ 36.1%