เอเอฟพี/เอพี – กลุ่มติดอาวุธแฝงตัวในชุดแพทย์ถือปืนไรเฟิลเอเค 47 บุกเข้าไปยังซาร์ดาร์ ด๊วด ข่าน( Sardar Daud Khan) โรงพยาบาลกองทัพอัฟกันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในวันนี้(8 มี.ค) สังหารคนไปไม่ต่ำกว่า 30 คน และทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกร่วม 50 คนในการโจมตีนานร่วม 6 ช.ม กลุ่มทก่อการร้าย IS ออกมาอ้างความรับผิดชอบ ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน ออกแถลงการณ์ประณามเหตุโจมตี ชี้เป็นการโจมตีของคนอัฟกันทั้งชาติ รวมไปถึงผู้หญิงอัฟกันทั้งหมดในวันฉลองสตรีโลก
เอเอฟพีรายงานล่าสุดถึงเหตุการณ์บุกยึดโรงพยาบาลกองทัพอัฟกันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกลางกรุงคาบูลวันนี้( 8 มี.ค) ท่ามกลางการขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลผ่านทางโลกโซเชียลมีเดียในช่วงความเป็นความตาย ที่มีเสียงปืนยิงปะทะและระเบิดดังทั่วในโรงพยาบาล ซาร์ดาร์ ด๊วด ข่าน( Sardar Daud Khan) ในเขตย่านที่ตั้งสำนักงานทูตต่างชาติในกรุงคาบูล ในขณะที่ควันดำพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า
ทั้งนี้ภาพรายงานทางโทรทัศน์ชี้ว่า เจ้าหน้าที่การแพทย์ของโรงพยาบาลบางส่วนติดอยู่บริเวณด้านบนของตัวอาคาร โดนหนึ่งในเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “กลุ่มมือปืนอยู่ด้านในของโรงพยาบาล ได้โปรดสวดพวกเราด้วย”
ด้านบรรดาผู้บริหารของโรงพยาบาลซาร์ดาร์ ด๊วด ข่านได้ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า มือปืน 3 รายอยู่ในชุดเสือกาวน์สีขาวเริ่มต้นกราดยิงหลังจากที่มือระเบิดฆ่าตัวตายที่เดินเข้ามา ได้ทำการจุดระเบิดบริเวณประตูหลัง ทำให้เกิดความโกลาหลในโรงพยาบาลที่มีขนาด 400 เตียงแห่งนี้
แต่ทว่าเอพีรายงานว่า พลเอกดอว์เล็ต วาซิรี( Gen. Dawlat Waziri) โฆษกกระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถานยืนยันว่า มีมือปืนจำนวน 4 คน รวมไปถึงมือระเบิดฆ่าตัวตายอีก 2 คนที่ลงมือจุดระเบิดเสื้อกั๊กหลังจากคนทั้งหมดสามารถเข้าไปด้านในของตัวตึกในปฎิบัติการโจมตีครั้งนี้
และยังกล่าวต่อว่า มีคนอื่นอีก 2 คนถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยิงเสียชีวิต ซึ่งหนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดนสังหารในระหว่างการยิงต่อสู้กับคนร้าย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีก 3 รายได้รับบาดเจ็บ และนอกเหนือไปจากมีอาวุธเสื้อกั๊กระเบิดแล้ว กลุ่มติดอาวุธยังมีอาวุธปืนไรเฟิล และระเบิดมือ วาซิรีกล่าว
ซึ่งอับดุล คาเดียร์( Abdul Qadeer) นางพยาบาลที่ทำงานภายในโรงพยาบาลแห่งนี้ได้กล่าวในเรื่องนี้กับเอเอฟพีว่า “ดิฉันเห็นกลุ่มคนร้ายที่มีปืนไรเฟิลเอเค-47เป็นอาวุธ อยู่ในชุดเหมือนแพทย์ กำลังยิงคนไข้และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณชั้น 3” และกล่าวต่อว่า “พวกเขายิงเพื่อนของดิฉัน แต่ดิฉันนั้นสามารถหนีออกมาได้...ซึ่งดิฉันต้องกระโดดข้ามลวดขดสนามเพื่อทำการหลบหนี”
และพบว่า มีเสียงระเบิดดังกึกก้องอย่างน้อย 2 ครั้ง รวมไปถึง คาร์บอมบ์ในบริเวณลานจอดรถ จากการแถลงของกระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถาน ในระหว่างที่หน่วยรบพิเศษอัฟกันกำลังออกปฎิบัติการเข้าเคลียร์พื้นที่ซึ่งใช้เวลายาวนาน 6 ช.มกว่าจะยุติลงได้
ทั้งนี้มีรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตหลังจากที่เจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษได้หย่อนตัวลงมาจากฮ.เหนือหลังคาตัวโรงพยาบาลทหารแห่งนี้ เอเอฟพีเสริม ซึ่งในช่วงเวลาปฎิบัติการ เอพีรายงานว่า มีภาพฝูงฮ.ทหารบินวนอยู่เหนือท้องฟ้า กองกำลังอัฟกันไต่อยู่บนหลังคาตึก และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอัฟกันพร้อมอาวุธได้เข้าตรวจเช็กชั้นต่อชั้น ที่พบว่าในช่วงก่อนบ่าย ปฎิบัติการโจมตีได้ยุติลง และปฎิบัติการเคลียร์พื้นที่ได้เริ่มต้นขึ้น
ซึ่งโฆษกกระทรวงกลาโหมอัฟกันแถลงว่า “มีจำนวนผู้ถูกสังหารไม่ต่ำกว่า 30 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 50 คนในการโจมตีวันนี้” และเสริมต่อว่า “เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนไข้ แพทย์ และพยาบาล”
เอพีรายงานต่อว่า ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน อัชราฟ กานี(Ashraf Ghani) ออกแถลงประณามการโจมตีในระหว่างการแถลงวันสตรีโลกในวันพุธ(8 มี.ค) โดยกล่าวว่า เป็นการโจมตีของคนอัฟกันทั้งชาติ รวมไปถึงผู้หญิงอัฟกันทั้งหมด
เอเอฟพีรายงานว่า ด้านกลุ่มก่อการร้าย IS ได้ออกแถลงการณ์ประกาศความรับผิดชอบผ่านทางเทเลแกรม ช่องทางการสื่อสารของทางกลุ่ม เอเอฟพีรายงาน และชี้ว่า ในขณะเดียวกันกลุ่มตอลิบานได้ออกมาประกาศว่า ทางกลุ่มไม่ได้อยู่เบื้องหลังการโจมตีวันนี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า กลุ่มตอลิบานมักจะหลีกเลี่ยงไม่โจมตีสถานพยาบาล หรือสถานที่อาจก่อความเสียหายให้กับพลเรือนเป็นจำนวนมาก