เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลซีย ตำหนิเกาหลีเหนือในวันจันทร์ (6 มี.ค.) ขณะเตรียมการขับทูตโสมแดง หลังแสดงความเห็นแบบไม่เคารพมาเลเซีย จากเรื่องการสืบสวนคดีฆาตกรรม “คิม จองนัม”
หากสายลับของเกาหลีเหนือได้ทำการสังหาร “คิม จองนัม” ตามที่หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้และเจ้าหน้าที่อเมริกันตั้งข้อสงสัยไว้ การกระทำอุกอาจบนแผ่นดินมาเลเซียครั้งนี้อาจส่งผลให้โสมแดงเสียมิตรที่เหลืออยู่น้อยนิดไปอีกประเทศ
ความไม่พอใจของมาเลเซียที่มีต่อเหตุร้ายดังกล่าวนั้นเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้รู้ว่าการสังหารนั้นใช้สารทำลายประสาท VX ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีพิษร้ายแรงจนถูกใส่ไว้ในรายชื่ออาวุธทำลายล้างของสหประชาชาติ
เกาหลีเหนือนั้นปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเหยื่อผู้ถูกสังหารเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ในท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ คือ “คิม จองนัม” พี่ชายต่างมารดาของ “คิม จองอึน” ผู้นำเกาหลีเหนือ แถมเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือยังกล่าวหารัฐบาลมาเลเซียสมรู้ร่วมคิดกับอำนาจจากภายนอก ทั้งยังบอกด้วยว่า การสืบสวนนั้นเชื่อถือไม่ได้
นาจิบได้ตราหน้าเอกอัครราชทูต “คัง ชอล” ของเกาหลีเหนือว่ากระทำสิ่งที่หยาบคายในทางการทูต แถมยังทำให้โมโหมากยิ่งขึ้นด้วยการไม่ยอมขอโทษ จนรัฐบาลมาเลซียต้องออกคำสั่งเมื่อวันเสาร์ ให้เวลา 48 ชั่วโมงในการเตรียมตัวออกนอกประเทศมาเลซีย
“พวกเขาควรจะต้องขอโทษ ดังนั้นถ้าดูตามหลักการแล้ว เราจึงต้องประกาศให้เขาเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา” นาจิบบอกนักข่าวที่รัฐสภา โดยอ้างอิงถึงคำเรียกบุคคลผู้ไม่เป็นที่ต้อนรับให้อยู่ในประเทศ
“นี่หมายความว่าเราได้ยืนยันหนักแน่นต่อคำถามเรื่องเกียรติของเรา ซึ่งไม่มีใครจะมาบั่นทอนหรือทำลายเราได้ตามที่เขาต้องการ” นาจิบกล่าว
เมื่อถูกนักข่าวถามว่า มาเลเซียจะทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีเหนืออีกหรือไม่ นาจิบก็ตอบแบบไม่ชัดเจนว่า “เดี๋ยวเราก็จะได้รู้ ตอนนี้ต้องค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอน”
สถานทูตเกาหลีเหนือยังคงเงียบเชียบ นับตั้งแต่มีคำสั่งขับไล่ทูต ขณะที่ทางเอกอัครราชทูต คัง ชอล ก็ไม่ปรากกตัวในที่สาธารณะเลย และเขาน่าจะเดินทางออกจากมาเลเซียภายใน 18.00 น.ของวันจันทร์ (6 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
ทั้งสองประเทศรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรกันมาตั้งแต่ยุคปี 1970 จนกระทั่งในสัปดาห์นี้เองที่มาเลเซียซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ชาวเกาหลีเหนือสามารถเดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า ได้ยกเลิกสิทธิพิเศษนี้ไปแล้ว
จนถึงขณะนี้มีแต่หญิงชาวอินโดนีเซีย และหญิงชาวเวียดนามที่ถูกอัยการมาเลเซียตั้งข้อหาฆาตกรรม
อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ระบุว่ามีชาวเกาหลีเหนือ 8 ราย ซึ่งในจำนวนนั้นมีเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของสถานทูต และพนักงานสายการบินรวมอยู่ด้วย คนเหล่านี้เป็นที่ต้องการตัวเพื่อนำมาสอบปากคำในการสืบสวน ตำรวจยังบอกอีกว่า มีชาวเกาหลีเหนืออีก 4 ราย ที่ตำรวจอยากได้ตัวมาสอบสวน แต่เชื่อว่าหลบหนีออกจากมาเลเซียไปแล้วหลังเกิดเหตุฆาตกรรมเพียงไม่กี่ชั่วโมง
มีเพียง “รี จองชอล” รายเดียวที่เป็นชาวเกาหลีเหนือที่ถูกจับกุมตัว แต่หลังจากควบคุมตัวนาน 1 สัปดาห์ เขาก็ถูกปล่อยตัวเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ แล้วถูกเนรเทศเมื่อวันศุกร์
ในการพูดคุยกับนักข่าวที่ปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ “รี จองชอล” ได้กล่าวหาว่า มาเลเซียใช้การบังคับขู่เข็ญเพื่อจะเค้นเอาคำรับสารภาพจากปากของเขา
“ผมตระหนักได้ว่านั่นเป็นแผนสมคบคิด ที่จะสร้างความเสียหายให้กับสถานภาพและเกียรติของสาธารณรัฐ (เกาหลีเหนือ)” รี กล่าว
คิม จองนัม ผู้เคยใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนของจีนอย่าง “มาเก๊า” ภายใต้การคุ้มกันของทางการปักกิ่ง ได้เคยพูดออกมาว่า สาธารณชนชาวเกาหลีเหนือนั้นต่อต้านการปกครองประเทศของตระกูลคิม