เอเอฟพี – เกาหลีเหนือเตือนในวันนี้ (4) สหรัฐฯจะต้องจ่ายค่าตอบแทนราคาแพงหากขึ้นบัญชีเปียงยางเป็นรัฐผู้ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายอีกครั้งหนึ่งภายหลังการสังหารพี่ชายต่างมารดาของผู้นำ คิม จองอึน ในมาเลเซียเมื่อเดือนที่แล้ว
คิม จองนัม วัย 45 ปีถูกสังหารเมื่อวันศุกร์ (13) ที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ในการโจมตีด้วยสารเคมีทำลายประสามวีเอ็กซ์ ซึ่งจัดให้เป็นอาวุธทำลายล้ายสูง
โซลระบุตั้งแต่แรกว่า เกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการลอบสังหารแบบสงครามเย็นนี้
สื่อเกาหลีใต้และญี่ปุ่นอ้างแหล่งข่าวทางการทูตรายงานว่า สหรัฐฯพิจารณานำเกาหลีเหนือกลับเข้าบัญชีก่อการร้ายที่มีอิหร่านและซีเรียรวมอยู่ด้วยอีกครั้ง
“สหรัฐฯจะได้ตะหนักว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนราคาแพงเท่าไหร่สำหรับการกล่าวหาเกาหลีเหนืออย่างไร้มูล” หากสหรัฐฯขึ้นบัญชีโสมแดงอีกครั้ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือบอกกับสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการ
โฆษกรายนี้ยืนยันว่า เปียงยางต่อต้าน “การก่อการร้ายทุกรูปแบบ” และกล่าวหา สหรัฐฯว่าพยายามทำให้ชื่อเสียงของประเทศเขามัวหมอง
“ไม่มีอีกแล้ววันที่สหรัฐฯสามารถประณามส่งเดชเพื่อกดขี่ประเทศที่สร้างความไม่พอใจให้กับพวกเขา ในขณะที่โลกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา” เจ้าหน้าที่รายนี้ กล่าว
เกาหลีเหนือซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองถูกขึ้นบัญชีเป็นรัฐผู้ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายครั้งแรกในปี 1987 เมื่อสายลับของพวกเขาวางระเบิดเครื่องบินเกาหลีใต้คร่าชีวิตคนบนเครื่องทั้ง 115 คน
แต่โสมแดงถูกถอดออกจากรายชื่อในปี 2008 หลังจากเปียงยางดำเนินขั้นตอนสู่การปิดโรงงานนิวเคลียร์ของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเกาหลีเหนือก็เริ่มกิจกรรมต่างๆ ใหม่อีกครั้ง ทำการทดสอบนิวเคลียร์ 4 ครั้งและทดสอบขีปนาวุธหลายครั้ง ถึงแม้ว่าความจริงพวกเขาจะถูกห้ามภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสกประชาชาติก็ตาม
เกาหลีเหนือปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหาร คิม จองนัม พร้อมกล่าวหาเกาหลีใต้ สหรัฐฯ และมาเลเซียว่าร่วมกันใส่ร้ายป้ายสี
หญิงสองคนเป็นชาวเวียดนามหนึ่งคนและชาวอินโดนีเซียหนึ่งคนถูกจับกุมจากการสังหารดังกล่าว มีเพียงชาวเกาหลีเหนือชื่อ รี จองชอล คนเดียวที่ได้รับการปล่อยตัวในสัปดาห์นี้เนื่องจากขาดหลักฐาน
รีปฏิเสธว่าไม่ได้บทบาทใดๆ ในการลอบสังหารและกล่าวหาตำรวจมาเลเซียว่าพยายามใส่ความเขาด้วยหลักฐานเท็จเพื่อทำลายชื่อเสียงเกาหลีเหนือ