รอยเตอร์/เอพี/เอเจนซีส์ - ฝนตกหนักตั้งแต่วันเสาร์ (25 ก.พ.) ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ฉับพลันทางตอนกลางและตอนเหนือของชิลี รวมไปถึงดินถล่ม มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และสูญหาย 19 คน ส่งผลทำให้ทางรัฐบาลซานติเอโกต้องหยุดสั่งจ่ายระบบน้ำประปาในเมืองหลวง คาดกระทบจำนวนประชากรราว 4 ล้านคน
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ว่า คนจำนวนหลายล้านคนในเมืองหลวงชิลีต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา หลังฝนมรสุมฤดูร้อนของชิลีได้เริ่มตกลงมาตั้งแต่วันเสาร์ (25) จากการรายงานของนิวส์ 24 ส่งผลทำให้เกิดโคลนถล่ม และซากปรักหักพังลงไปยังแม่น้ำไมโป (Maipo) ที่ถูกใช้เป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาป้อนชาวกรุงซานติเอโก
มีรายงานว่า และฝนที่ตกหนักในเขตภาคกลางและตอนเหนือของชิลีทำให้แม่น้ำสายต่างๆ นั้นเอ่อล้นและท่วมสูง โดยรอยเตอร์ชี้ว่า แถบหุบเขาชานกรุงซานติเอโกได้ตัดขาดคนจำนวน 373 ราย สำนักงานฉุกเฉินชิลี Onemi แถลงในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (26 ก.พ.)
และพบว่าบริษัท อาววซ อันดินาซ (Aguas Andinas) ผู้รับผิดชอบป้อนน้ำประปาให้แก่ประชาชนในเมืองหลวงชิลี ชี้ว่า ฝนที่ตกหนักเป็นอุปสรรคต่อการซ่อมบำรุง โดยนิวส์ 24 รายงานว่า ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งระงับการจ่ายน้ำประปาภายในกรุงซานติเอโก
โดยผู้ว่าการพื้นที่ คลอดิโอ ออร์เรโก (Claudio Orrego) ประกาศกลางงานแถลงต่อสื่อว่า “ในขณะนี้เรากำลังกล่าวถึงจำนวนร่วม 1.45 ร้านครัวเรือน ที่จะต้องได้รับผลกระทบจากคำสั่งกหารหยุดสั่งจ่ายน้ำประปา ที่ครอบคลุมทั้งหมด หรือบางส่วนของ 30 เขตในกรุงซานติเอโก
และนิวส์ 24 ยังชี้ว่า ออร์เรโกประกาศต่อว่า การหยุดสั่งจ่ายนั้นจะมีผลต่อกว่า 60% ของจำนวนประชากร 6.5 ล้านคนที่หนาแน่นของเมือง ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่า เชื่อว่าผู้ที่จะต้องอยู่โดยไม่มีน้ำประปาใช้คิดเป็นตัวเลขทั้งหมดราว 4 ล้านคนเฉพาะแค่ในกรุงซานติเอโก
ด้านประธานาธิบดีชิลี มิเชล บาเชเลต (Michelle Bachelet ) แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า “ในขณะนี้ทีมกู้ภัยฉุกเฉินกำลังทำงานในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ประสบภัยที่ถูกตัดขาด และทำให้น้ำประปากลับมาใช้การได้อีกครั้ง”
ในเขตโอ ฮิกกินส์ (O’Higgins) ทางใต้ของกรุงซานติเอโก พบเด็กหญิงวัย 12 ปีเสียชีวิต หลังจากดินถล่มได้พัดรถที่หนูน้อยคนนี้กำลังนั่งอยู่พัดไปกับกระแสน้ำท่วม ซึ่งเอพีชี้ว่า เกิดขึ้นใกล้กับ เตอร์มาส เดล ฟลาโก (Termas del Flaco ) และนอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังสามารถพบร่างอีก 2ศพ จากแม่น้ำใกล้กรุงซานติเอโก
โดยทางเอพีชี้ว่า มีผู้ถูกแจ้งสูญหาย 5 คน แต่ในรายงานของเอพีชี้ว่า มีผู้สูญหายทั้งหมด 19 คน
และในซานโฮเซ เด ไมโปแวลเลย์ (San Jose de Maipo valley) ที่ตั้งอยู่เหนือกรุงซานติเอโก ทีมกู้ภัยฉุกเฉินต้องเข้านำซากหินอิฐและดินออกจากถนนก่อนที่จะสามารถทำการอพยพประชาชนชิลีที่ติดอยู่ลงสู่เบื้องล่างได้ ซึ่งเป็นเขตที่มีพื้นที่ราบมากกว่า
ทั้งนี้ พบว่าเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันนี้ถือเป็นการท่วมครั้งใหญ่รอบที่ 2 ที่เกิดขึ้นในเขตภาคกลางชิลีในช่วงปีที่ผ่านมา โดยพบว่าในเมษายนที่ผ่านมา ซานโฮเซ เด ไมโปแวลเลย์ ต้องพบกับฝนตกหนัก ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และเหมืองทองแดงต้องถูกปิดชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตามรอยเตอร์ชี้ว่า ในปีนี้ถึงแม้จะมีน้ำท่วมใหญ่ แต่ทว่าการผลิตแร่ทองแดงไม่ได้รับผลกระทบ
