เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญชาวเกาหลีใต้ระบุในวันนี้ (24 ก.พ.) ว่า เกาหลีเหนือมีอาวุธเคมีมากถึง 5,000 ตัน รวมถึงสารพิษที่ถูกใช้ในการลอบสังหารพี่ชายต่างมารดาของผู้นำประเทศ
ร่องรอยของวีเอ็กซ์ สารเคมีทำลายประสาทที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงโดยสหประชาชาติถูกตรวจพบบนใบหน้าและดวงตาของ คิม จองนัม ที่ถูกป้ายยาพิษที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจมาเลเซียระบุในวันนี้ (24)
เจ้าหน้าที่สืบสวนมาเลเซียกำลังควบคุมตัวคน 3 คน เป็นผู้หญิงจากอินโดนีเซีย และเวียดนาม และชายชาวเกาหลีเหนือ 1 คน แต่ต้องการสอบปากคำคนอีก 5 คน ซึ่ง 4 คนเชื่อว่าหลบหนีไปยังเปียงยางแล้ว
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุในสมุดปกขาวกลาโหมปี 2014 ว่า เกาหลีเหนือเริ่มต้นการผลิตอาวุธเคมีในชาวงทศวรรษ 1980 และประเมินว่า พวกเขามีอาวุธเคมีประมาณ 2,500-5,000 ตันในคลัง
เกาหลีเหนือมีโรงงานผลิตอาวุธเคมีในสถานที่ 8 แห่งรวมถึงท่าชงจินทางตะวันออกเฉียงเหนือและเมืองซินอุยจูทางตะวันตกเฉียงเหนือ เกาหลีใต้ระบุในสมุดปกขาวกลาโหมปี 2012
“เชื่อว่าเกาหลีเหนือมีคลังสะสมสารวีเอ็กซ์ขนาดใหญ่ สารซึ่งสามารถผลิตได้ง่ายในราคาถูก” ลี อิลวู นักวิเคราะห์ด้านการป้องกันประเทศจากเครือข่ายป้องกันประเทศเกาหลี (Korea Defence Network) ของเอกชน บอกกับเอเอฟพี
สารวีเอ็กซ์ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว สามารถผลิตได้ในห้องทดลองขนาดเล็กของโรงงานผลิตยาฆ่าแมลง เขากล่าว
“อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพสามารถถูกปล่อยแพร่กระจายได้ผ่านหลายๆ ช่องทาง เช่น ปืนใหญ่ ขีปนาวุธ และเครื่องบิน” เขากล่าวเสริม
หากซึมซาบผ่านผิวหนัง ดวงตา หรือจมูก เพียงแค่หยดเล็กๆ ของสารเคมีทำลายประสาทไร้สีและกลิ่นนี้ก็เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายต่อระบบประสาทส่วนกลางของเหยื่อจนถึงชีวิต
ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การทหาร คิม จองฮา จากมหาวิทยาฮันนัม กล่าวว่า เกาหลีเหนือมีสารเคมีทำลายประสาท 6 ชนิดรวมถึงวีเอ็กซ์และซารินที่กลุ่มลัทธิของญี่ปุ่นที่เชื่อในวันโลกาวินาศ โอมชินริเกียว ใช้ในปี 1995 เพื่อโจมตีระบบรถไฟใต้ดินของโตเกียวทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน
พวกเขายังครอบครองสารเคมีร้ายแรงอื่นด้วยรวมถึงสารที่ทำให้หายใจไม่ออก ผิวหนังพุพอง และเลือดไหล คิม กล่าว ตลอดจนอาวุธชีวภาพ 13 ชนิดเช่นแอนแทรกซ์และกาฬโรค
เกาหลีเหนือไม่ได้ลงนามอนุสัญญาอาวุธเคมีระหว่างประเทศที่ห้ามการผลิต การเก็บสะสม และการใช้อาวุธเคมี กว่า 160 ประเทศลงนามอนุสัญญานี้ที่มีผลบังคับใช้ในปี 1997