xs
xsm
sm
md
lg

วงในชี้รัฐบาลมะกันกัดไม่ปล่อย ร่างแผนสกัดลี้ภัย-เร่งรัดเนรเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ – แหล่งข่าวเผยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ได้จัดเตรียมแนวทางใหม่สำหรับหน่วยงานคนเข้าเมือง เพื่อเร่งกระบวนการเนรเทศด้วยการปฏิเสธคำขอลี้ภัยตั้งแต่ขั้นตอนแรก

แนวทางใหม่ที่อยู่ในร่างบันทึกลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ แต่ยังไม่ได้ส่งถึงหน่วยงานภาคสนาม ได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่อนุมัติผู้ยื่นคำขอที่มีโอกาสสูงที่จะได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยเท่านั้น แต่ไม่ได้ระบุเกณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงในการพิจารณาความกลัวที่เชื่อถือได้ในการถูกทำร้ายหรือสังหารหากถูกส่งกลับประเทศแต่อย่างใด

แนวทางดังกล่าวแนะนำให้เจ้าหน้าที่คัดกรองผู้ลี้ภัย “ซักไซ้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” เพื่อพิจารณาว่าผู้ขอลี้ภัยมี “ความกลัวที่เชื่อถือได้” ในการถูกทำร้ายหรือสังหารหากถูกส่งกลับประเทศหรือไม่ ซึ่งจะเป็นด่านแรกที่ผู้อพยพที่ชายแดนอเมริกา-เม็กซิโกต้องเผชิญ

แหล่งข่าวสามคนที่รู้เห็นการร่างแนวทางนี้เผยว่า เป้าหมายของคำสั่งใหม่คือยกระดับการคัดกรองเบื้องต้น โดยคณะบริหารต้องการให้เจ้าหน้าที่คัดกรองผู้ลี้ภัยมีอำนาจในการพิจารณาว่า ผู้ยื่นคำร้องคนใดมีแนวโน้มสูงที่จะได้รับอนุมัติจากศาลพิจารณาคำร้องขอเข้าเมือง แนวทางนี้มีการรายงานและโพสต์ครั้งแรกทางอินเทอร์เน็ตโดยองค์กรข่าว แมกแคลตชี

จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรม ในปี 2015 มีผู้ขอลี้ภัยเพียง 18% ที่คำร้องได้รับการพิจารณาจากศาลพิจารณาคำร้องขอเข้าเมืองและได้รับอนุมัติให้ลี้ภัย โดยผู้ขอลี้ภัยจากประเทศที่มีอัตราการข่มเหงรังแกทางการเมือง มีโอกาสสูงที่จะได้รับอนุมัติให้ลี้ภัย

การใช้แนวทางเข้มงวดขึ้นกับผู้ขอลี้ภัยจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งตามคำสัญญาของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการกวาดล้างผู้เข้าเมือง และยกระดับการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงสำคัญและภารกิจหลักในช่วงเดือนแรกหลังเข้ารับตำแหน่งของอดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้ ด้านกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (ดีเอชเอส) และทำเนียบขาว ต่างปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายคนเข้าเมืองและสัญชาติ โดยทั่วไปแล้วผู้ยื่นคำร้องต้องแสดงให้เห็นถึงความกลัวการถูกทำร้ายหรือถูกสังหารที่อิงกับเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ การเป็นสมาชิกกลุ่มทางสังคมใดๆ หรือความคิดเห็นทางการเมืองที่มีหลักฐานยืนยันในระหว่างการสัมภาษณ์รอบแรกๆ หากผ่านการสัมภาษณ์ จึงจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อในศาล

การสัมภาษณ์เพื่อประเมินความกลัวที่เชื่อถือได้จะดำเนินการเกือบทันที หลังจากผู้ขอลี้ภัยยื่นคำร้อง ซึ่งบ่อยครั้งเกิดขึ้นที่ด่านชายแดนหรือศูนย์กักกันโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหรือเจ้าหน้าที่คัดกรองผู้ลี้ภัย ซึ่งผู้ยื่นคำร้องส่วนใหญ่ผ่านด่านนี้อย่างง่ายดาย โดยในระหว่างเดือนกรกฎาคม - กันยายนปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่คัดกรองยอมรับคำขอลี้ภัยเกือบ 88% ที่อ้างอิงความกลัวที่เชื่อถือได้ ส่วนผู้ขอลี้ภัยที่ไม่ผ่านด่านนี้จะถูกส่งกลับประเทศอย่างรวดเร็ว ยกเว้นมีการยื่นอุทธรณ์

ปัจจุบันผู้ผ่านการทดสอบจะได้รับอนุญาตให้คงอยู่ในอเมริการะหว่างรอการให้การต่อศาล ซึ่งบ่อยครั้งกำหนดล่วงหน้านานหลายปีเนื่องจากมีคำขอค้างมากกว่า 500,000 รายในศาลพิจารณาคำร้องขอเข้าเมือง

จากสถิติของสำนักงานคนเข้าเมืองและสัญชาติ (ยูเอสซีไอเอ) ระบุว่า ระหว่างเดือนตุลาคม 2015 - เมษายน 2016 บรรดาคนเข้าเมืองเกือบ 50,000 รายอ้างว่า มีความกลัวที่เชื่อถือได้ โดย 78% ของคนเหล่านี้มาจากฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา หรือเม็กซิโก

จำนวนคนเข้าเมืองจากสี่ประเทศดังกล่าว ที่ผ่านการทดสอบความกลัวที่เชื่อถือได้และถูกส่งให้ศาลพิจารณาคำขอลี้ภัยเพิ่มขึ้นสูงมากระหว่างปี 2011 – 2015 จาก 13,970 คน เป็น 34,125 คน

แนวทางใหม่สำหรับผู้ขอลี้ภัยนี้เป็นแนวทางสำหรับเจ้าหน้าที่ชายแดนเพื่อดำเนินการตามคำสั่งของทรัมป์เมื่อวันที่ 25 มกราคม ว่าด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน ซึ่งยังรวมถึงมาตรการเร่งรัดคำร้องของผู้มีสิทธิ์ที่ต้องการพำนักในสหรัฐฯ และส่งตัวผู้ที่ถูกปฏิเสธการขอลี้ภัยกลับประเทศทันที

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองบางคนที่รับรู้การร่างแนวทางใหม่แสดงความกังวลว่า การเร่งรัดการเนรเทศผู้ขอลี้ภัยอาจทำให้ศูนย์กักกันล้นและสร้างปัญหาในการขนส่งผู้ถูกเนรเทศที่ทั้งมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อน เนื่องจากการเนรเทศต้องใช้เวลาและการประสานงานเพื่อขออนุมัติจากประเทศบ้านเกิดของผู้ถูกเนรเทศ

ด้านเจ้าหน้าที่ดีเอชเอสที่ดูแลแนวทางใหม่คาดหวังว่า จะสามารถขยายพื้นที่ในศูนย์กักกันอีกอย่างน้อย 8,000 เตียง ซึ่งต้องขออนุมัติงบประมาณจากรัฐสภา ทั้งนี้ เพื่อยุติแนวทางปฏิบัติ “จับและปล่อย” ซึ่งหมายถึงการปล่อยตัวผู้ขอลี้ภัยระหว่างรอขึ้นศาล อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เหล่านี้ยอมรับว่า คงไม่สามารถยกเลิกแนวทางปฏิบัตินี้ทันที

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในรัฐสภาที่รับรู้แผนการของคณะบริหารเผยว่า ดีเอชเอสกำลังพิจารณาขยายข้อตกลงกับบริษัทเรือนจำเอกชน เช่น จีโอ กรุ๊ป และคอร์ซีวิก ที่ปัจจุบันรับผิดชอบการกักกันคนเข้าเมืองส่วนใหญ่

มารีลีนา ฮินเคปี ผู้อำนวยการบริหารศูนย์กฎหมายการเข้าเมืองแห่งชาติ แสดงความกังวลว่า การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบความกลัวที่เชื่อถือได้อาจทำให้ผู้อพยพที่ขอลี้ภัยอย่างถูกต้องและมีโอกาสไปให้การต่อศาลหากมีที่ปรึกษาทางกฎหมาย ถูกคัดออกตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ

นอกจากนั้น ไมค์ ฟิชเชอร์ อดีตผู้อำนวยการหน่วยลาดตระเวนชายแดน ยังแสดงความเห็นว่า ผู้ขอลี้ภัยที่ถูกคัดออกจากด่านทดสอบความกลัวที่เชื่อถือได้ ยังมีสิทธิ์อุทธรณ์และร้องขอเข้าให้ปากคำต่อศาลเพื่อยืนยันคำร้องขอพำนักในอเมริกาด้วยเหตุผลต่างๆ อาทิ เพื่ออยู่ร่วมกับครอบครัว


กำลังโหลดความคิดเห็น