เอเจนซีส์ - โคเรียไทม์สรายงานชี้ สาเหตุที่ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ออกคำสั่งลอบสังหารพี่ชายของตัวเอง คิม จองอึน เชื่อว่าเกี่ยวพันกับ “กองทุนลับเกาหลีเหนือที่มีจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง” ที่มีอาเขย จาง ซองเต็ก ผู้มีอำนาจหมายเลข 2 เปียงยาง ถูกประหารในปี 2013 เป็นผู้คอยควบคุม พบล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) กองทัพเกาหลีใต้ออกคำสั่งเตรียมพร้อมขั้นสูงสุดรับการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ กัวลาลัมเปอร์เดินหน้าร่วมมือฮานอย ตรวจประวัติผู้ต้องสงสัยหญิงถือพาสปอร์ตเวียดนามที่เชื่อว่า เป็นสายลับ
หนังสือพิมพ์โคเรียไทม์ส รายงานเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ว่า หนึ่งในความเป็นไปได้ของสาเหตุการเสียชีวิตของคิม จองนัม (Kim Jong-nam) พี่ชายวัยราว 45 ปีของประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน (Kim Jong-un) คาดว่าอาจมีความขัดแย้งด้านการเงินที่เป็นมรดกจากอดีตผู้เป็นพ่อ อดีตประธานาธิบดีคิม จองอิล และรวมไปถึงกองทุนลับเกาหลีเหนือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอาเขยของคนทั้งคู่ที่ล่วงลับซึ่งเป็นผู้ควบคุม บุรุษผู้มีอำนาจเป็นอันดับ 2 ของเกาหลีเหนือ จาง ซองเต็ก (Jang Song-thaek)
โดยสำนักข่าวยอนฮับได้เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (16 ก.พ.) จากการให้ข้อมูลของแหล่งข่าวคนหนึ่งที่อ้างว่า*** พี่ชายของคิม จองอึนเป็นบุคคลสำคัญในดีลนี้ที่มาเก๊า*** โดยกล่าวว่า “การค้าแรงงานของกาหลีเหนือในจีนนั้นมีคิม จอง-นัมเป็นตัวเล่นที่เป็นบุคคลสำคัญในมาเก๊า”
และในการเปิดเผย แหล่งข่าวยังกล่าวต่อว่า “หลังจากอาเขย จาง ซองเต็ก ถูกสั่งประหารในเดือนธันวาคม 2013 แล้ว พบว่าเม็ดเงินต่างประเทศของเกาหลีเหนือนี้ถูกส่งต่อมาให้กับคิม จองนัม”
นอกจากกองทุนลับเกาหลีเหนือแล้ว แหล่งข่าวยังเปิดเผยว่า พี่ชายของคิม จองอึน ยังได้รับมรดกมหาศาลจากผู้เป็นพ่อ โดยกล่าวว่า “เป็นจำนวนเงินไม่น้อย” ที่เขาได้รับมาจากผู้เป็นบิดา อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ จากการที่คิม จอง อิลรู้สึกสงสารที่บุตรชายคนโตต้องอาศัยอยู่ในต่างแดนเป็นเวลานานหลังจากที่พบว่า ตัวเขาไม่ได้อยู่ในสายการสืบทอดอำนาจผู้นำต่อจากบิดา
มีนักวิเคราะห์บางส่วนได้ชี้ว่า ประธานาธิบดีคิม จองอึน ออกคำสั่งให้พี่ชายคนโตของตัวเองเดินทางกลับเข้ามายังเกาหลีเหนือ พร้อมกับนำเงินทั้งหมดที่ถูกฝากในธนาคารที่มาเก๊ากลับมาพร้อมกัน จากการที่ประเทศเกาหลีที่ถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก
แต่อย่างไรก็ตาม โคเรียไทม์สระบุว่า จากการอ้างอิงของบรรดานักวิเคราะห์ ดูเหมือน คิม จองนัมจะปฏิเสธขัดขืนไม่ทำตาม ส่งผลทำให้น้องชายผู้นำเกาหลีเหนือโกรธอย่างหนัก แหล่งข่าวอ้าง โดยชี้ไปถึงความพยายามลอบสังหารพี่ชายของตัวเองหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งฮอง ฮยุน-อิค (Hong Hyun-ik) นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันเซจอง (Sejong Institute) ได้กล่าวให้ความเห็นจากการเปิดเผยผ่านสื่อวิทยุว่า “ในขณะที่คิม จองนัมยังลี้ภัยอยู่ในจีน พบว่าเขาได้แอบทำข้อตกลงซื้อขายอาวุธสงครามเกาหลีเหนือ และเกี่ยวข้องกับเงินสกปรกมหาศาล ที่เชื่อว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของเหตุเสียชีวิต
ด้านสื่อจีจีเพรสของญี่ปุ่นรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ความน่าจะเป็นในการเสียชีวิตของพี่ชายคิม จองอึนอาจเกิดมาจากมีข่าวลือหนาหูที่กระจายออกไปว่า คิม จองนัม พี่ชายของเขาพยายามจัดตั้งรัฐบาลเปียงยางพลัดถิ่นขึ้นเพื่อตั้งตัวเป็นผู้นำแข่งกับน้องชายตัวเอง
และสื่อญี่ปุ่นยังรายงานข่าว ที่ออกมาในอีกกระแสที่ว่า คิม จองนัมแอบวางแผนร่วมมือกับอาเขยจางในความพยายามเพื่อจะโค่นล้มน้องชายตนเอง ประธานาธิบดีคิม จองอึน โดยที่มีปักกิ่งเป็นโล่ และชี้ต่อว่า ข่าวลือเหล่านี้ยังถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางถึงแม้ว่าคิม จองอึนจะเข้ารับตำแหน่งผู้นำเกาหลีเหนือคนถัดไปแล้ว
โคเรียไทม์สรายงานว่า คิม จองนัมอยู่ภายใต้การปกป้องจากปักกิ่งในขณะที่ อาเขยจางกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญทางด้านความร่วมมือกับจีนทางด้านการทูตและเศรษฐกิจกับปักกิ่ง แหล่งข่าวสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผย และเมื่อพิจารณาความใกล้ชิดของคนทั้งสองกับปักกิ่ง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเปียงยางและเกาหลีเหนือจะเสื่อทรามเพิ่มมากขึ้น
และในวันพฤหัสบดี (16 ก.พ.) กองทัพเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ว่า ทางกองทัพอยู่ในขั้นเตรียมความพร้อมสูงสุดเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง หลังจากเหตุลอบสังหารพี่ชายคิม จองอึน
โดยสื่อเดอะสตาร์ของมาเลเซียรายงานว่า คณะเสนาธิการร่วมกองทัพเกาหลีใต้ (JCS) ได้ออกแถลงการณ์ต่อสื่อในรายงานสรุปประจำวันว่า ในขณะนี้ทางกองทัพยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติบริเวณพรมแดนจากทางเกาหลีเหนือ หลังจากเหตุคิม จอง-นัมพี่ชายของผู้นำเกาหลีเหนือเสียชีวิตในวันจันทร์ (13 ก.พ.) แต่ทว่าทางกองทัพให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นี้มาก
และสำนักข่าวยอนฮับรายงานต่อว่า เจ้าหน้าที่คณะเสนาธิการร่วมกองทัพเกาหลีใต้ได้ออกมายืนยันในการแถลงข่าวว่า ทางกองทัพเกาหลีใต้จะประกาศทางเครื่องขยายเสียงต่อทหารเกาหลีเหนือ และประชาชนที่อาศัยใกล้พรมแดน หลังจากที่ทางมาเลเซียได้ยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการเสียชีวิตของคิม จองนัม ซึ่งเมื่อวานนี้ ทางกัวลาลัมเปอร์ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ผู้เสียชีวิตที่ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ 2 ในวันจันทร์ (13 ก.พ.) คือ คิม จองนัม
สื่อเดอะสตาร์ชี้ว่า การชันสูตรศพพี่ชายคิม จองอึนเสร็จสิ้นแวในวันพุธ (15 ก.พ.) แต่ทว่าผลรายงานการชันสูรอย่างเป็นทางการยังไม่ออกมา ในขณะที่เมื่อวานนี้ (16) รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียออกมายืนยันว่า ทางกัวลาลัมเปอร์จะทำการส่งคืนศพของคิม จองนัมกลับคืนสู่เปียงยาง อันเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ชาติ
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า พบเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย 2 นายเดินทางไปยังสถานทูตเกาหลีเหนือเพื่อพบกับเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำมาเลเซีย
ด้านหนังสือพิมพ์นิวสเตรทไทม์สของมาเลเซียรายงานเพิ่มเติมเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) รัฐบาลมาเลเซียอยู่ในระหว่างความร่วมมือกับรัฐบาลฮานอยในการตรวจสอบข้อมูลของหญิงผู้ต้องสงสัยรายแรกที่ถูกจับกุมได้จากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ 2 ที่ถือพาสปอร์ตเวียดนาม
โดยผู้ช่วยโฆษกกระทรวงต่างประเทศเวียดนามกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ทางเวียดนามมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับนานาประเทศในการป้องกันและต่อต้านการเกิดอาชญากรรมในทุกรูปแบบที่เกิดขึ้น หลังจากถูกถามจากนักข่าวในรายงานการจับกุมผิ้ติ้องสงสัยหญิงที่ถือหนังสือเดินทางเวียดนาม ซึ่งระบุว่าชือ ดวน ถิ เฮือง (Doan Thi Huong) วัย 29 ปีเกิดในปี 1988 ที่เมือง นามดินห์
พร้อมกันนั้นผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามยังแถลงว่า เวียดนามขอประณามอย่างรุนแรงต่อการก่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบปและทุกจุดประสงค์